วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ข่าวสารบอลชุดขาวเด่นขึ้นรับเงินรายได้สูงสุดในโลก,เฮนโด้ vs คอสต้า

หวิดมีมวย เฮนโด้ vs คอสต้า เกือบไฝว้กันหลังเกม



border=0



ล่าสุดแข้งโปรแกรมบอล ฝ่ายหงส์แดง - หมู่สิงห์บลู  ได้มีเรื่องกันหลังจบเกมแคปิตอล วัน คัพ ตราบใดวันอังคารที่สร้างผ่าน เพราะได้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน จนเกือบวางมวย ซึ่งเชื่อว่าเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ดีเอโก้ คอสต้า ที่เถียงกันมาตั้งแต่ในเกม

ภายหลังที่ เดอะ การ์เดี้ยน ที่เป็นสื่อดังแดนผู้ดีได้วิเคราะห์ผลบอลแฉ เกมจบอารมณ์ไม่จบ ครั้นนักเตะ ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล พร้อมด้วย กรุ๊ปสิงห์บลูส์ เชลซี    ซึ่งเป็น 2 พวกยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่ามีเรื่องทะเลาะกันหลังจบเกม ศึกแคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ณ สนามแอนฟิลด์ ที่เสมอกันไปผลบอล 1 - 1 จนถึงคืนวันอังคารที่พ้นมา

ทั้งนี้ ได้คาดกันว่านักเตะคู่กรณีน่าจักเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเป็นรองกัปตันเหล่าเจ้าบ้าน กับ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกเฟุ้งเฟื่องดร้อนของคณะเยือน เพราะว่าทั้งคู่มีปากเสียงกันตั้งแต่จังหวะในเกมแล้ว ซึ่งจนกระทั่งทั้งคู่เดินเข้าอุโมงค์สู่ห้องแต่งตัว ก็ยังไม่ลดราวาศอก จนถึงขั้นผลักอกเตรียมวางมวยกัน แต่ยังดีที่ถูกแยกออกจากกันก่อนจะมีการ ให้เสรีภาพหมัด เพราะบรรดาสตาฟฟ์โค้ชกับเพื่อนร่วมเหล่าของทั้งคู่

เพราะว่าตารางบอลที่ชนวนขัดแย้งริเริ่มมาจากที่ เชส ฟาเบรกาส กองกลางตัวเก่งของ เชลซี พยายามขวางการเล่นฟรีคิกเร็วของ เฮนเดอร์สัน ก่อนที่ คอสต้า กับมิดฟิลด์หงส์แดง จะมีการโต้คารมด้วยกันผลักอกกันเล็กน้อยนั่นเอง


ในรอบ 10 ปีติด! ชุดขาวผงาดขึ้นรับรายได้สูงสุดในโลกตามคาด





หมู่ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในลาลีกา ซิวตำแหน่งสโมสรฟุตบอลที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2015

ซึ่งทันทีที่ทำรายได้เข้าสโมสรได้ถึง 549.5 ล้านยูโร ซึ่งสูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน ส่วนอันดับสอง ตามมาห่างๆ คือ กรุ๊ปผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเงินพุ่งจากปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็น 518 ล้านยูโร

เพราะทาง เดลอยท์ ฟุตบอล มันนี่ ลีก เหรอ Deloitte Football Money League ได้แย้มการจัดอันดับสโมสรที่ทำรายได้สูงที่สุดประจำปี 2015 ปรากฎว่า แชมป์ทำเงินมากสุดก็คือ เหล่าราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน ปางทำรายได้เป็นจำนวนเงินถึง 549.5 ล้านยูโร ใช่ไหม 20,755 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน




ซึงลำดับต่อมาเป็น หมู่ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝ่ายดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับสองปีนี้ จากเดิมปีที่แล้ว 2014 อยู่ที่สี่เท่านั้น จากตัวเลขก่อนหน้า 423.8 ล้านยูโร หรือไม่ก็ 16,000 ล้านบาท ทะยานเป็น 518 ล้านยูโร เหรอ 19,565 ล้านบาท

ในอันดับ 3 ตกเป็นของ กลุ่มเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมแห่งบุนเดสลีก้า เยอรมัน มีรายได้อยู่ที่ 487.5 ล้านยูโร ใช่ไหม 18,400 ล้านบาท

อันดับที่ 4 กรุ๊ปบาร์เซโลน่า ร่วงจากที่สองปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 4 กวาดไป 484.6 ล้านยูโร ไม่ใช่หรือ 18,300 ล้านบาท

ในอันดับ 5 นั้นยังคงที่ เป็น กรุ๊ปปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีรายได้ 474.2 ล้านยูโร เหรอ 17,900 ล้านบาท

เพราะอันดับที่ 6 - 20 ประกอบไปด้วยพวกดังมากมาย ดังนี้

  6. พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 346.5 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 18,018 ล้านบาท
  7. ฝ่ายเชลซี พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 324.4 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 16,868.8 ล้านบาท
  8. ทีมอาร์เซน่อล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 300.5 ล้านปอนด์ เหรอ 15,626 ล้านบาท
  9. กรุ๊ปลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 255.8 ล้านปอนด์ เหรอ 13,301.6 ล้านบาท
10. กรุ๊ปยูเวนตุส ลีกอิตาลี - 233.6 ล้านปอนด์ หรือไม่ก็ 12,147.2 ล้านบาท
11. คณะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลีกเยอรมัน - 218.7 ไม่ใช่หรือ 11,372.4 ล้านบาท
12. พวกเอซี มิลาน ลีกอิตาลี - 208.8 หรือว่า 10,857.6 ล้านบาท
13. พวกท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 180.5 ใช่ไหม 9,386 ล้านบาท
14. กลุ่มชาลเก้ 04 ลีกเยอรมัน - 178.9 หรือ 9,302.8 ล้านบาท
15. เหล่าแอตเลติโก มาดริด ลีกสเปน - 142.1 หรือไม่ 7,389.2 ล้านบาท
16. หมู่นาโปลี ลีกอิตาลี - 137.8 ไม่ใช่หรือ 7,165.6 ล้านบาท
17. ทีมอินเตอร์ มิลาน ลีกอิตาลี - 137.1 หรือไม่ 7,129.2 ล้านบาท
18. ทีมกาลาตาซาราย ลีกตุรกี - 135.4 ไม่ก็ 7,040.8 ล้านบาท
19. พวกนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 129.7 หรือไม่ก็ 6,744.4 ล้านบาท
20. เหล่าเอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 120.5 เหรอ 6,266 ล้านบาท





วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ล่าสุดพาหะฟุตบอลอย่างจัด 11 แข้งประดุจดัง ไม่เคยจับต้องแชมป์พรีเมียร์ลีก

ล่าสุดสื่อดังจัด 11 แข้งดัง ไม่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก





จนกระทั่งเดลี่ เมล์ Daily Mail ได้แท็บลอยด์หัวดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้จัด 11 นักเตะที่อยู่ในหัวอกเดียวกัน ด้วยระบบคณะ 3-5-2 ที่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีก อังกฤษแม้แต่ครั้งเดียว

ซึ่งนำมาเพราะว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตัน เหล่าลิเวอร์พูล ที่เตรียมอำลาสังเวียน หลังจบฤดูกาล 2014 - 2015 และอีก 10 ราย อาทิเช่น เพื่อนเก่าอย่าง แบรด ฟรีเดล นายทวารชาวอเมริกัน ด้วยกัน เจมี คาร์ราเกอร์ รวมถึง แกเร็ธ เบล แข้งค่าจ้างแพงสุดในโลกด้วย

พร้อมกับส่วนที่เหเอิกเกริกจะเป็นใครกันบ้าง เราลองไปชมกันเลย

บัญชีชื่อ 11 นักเตะดังที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ




1.แบรด ฟรีเดล ตำแหน่งผู้รักษาประตู

ผู้ที่สร้างสถิติเฝ้าเสาติดต่อกันนานสุด 310 เกม ของ ศึกพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2004 ถึง เดือนตุลาคม ปี 2012 ถึงแม้จะเป็นนายทวารฝีมือดีคนหนึ่งของเกาะอังกฤษ ทว่าตลอดระยะเวลา 17 ปี กับ

  1. กลุ่มลิเวอร์พูล
  2. ทีมแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส
  3. พวกแอสตัน วิลลา 
  4. เหล่าท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 

พร้อมกับด้วยอายุอานามล่วงเลยมาถึง 43 ปี ก็ยังไม่เคยสัมผัสโทรฟี ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เลย





2.เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำแหน่งกองหลัง

หลังจากวิเคราะห์ผลบอลที่ได้สวมบทผู้แชร์ความเจ็บปวดกับ เจอร์ราร์ด คว้าแชมป์ร่วมกันมาทั้ง

  1. ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
  2. ยูฟ่า คัพ หรือไม่ ยูโรป้าลีก ในปัจจุบัน 
  3. ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
  4. เอฟเอ คัพ 2 ระยะเวลา 
  5. แคปิตอล วัน คัพ 3 กาลเวลา 
  6. คอมมูนิตี้ ชิลด์ 


ซึ่งยกเว้น พรีเมียร์ลีก ตลอดระยะเวลา 17 ปี ตัวของคาร์ร่า จัดเป็นกองหลังที่ผลงานคงเส้นคงวามากสุดๆ คนหนึ่งของวงการลูกหนัง





3.มาร์เซล เดอไซญี่ ตำแหน่งกองหลัง

เขานั้นเป็นหนึ่งในสุดยอดเซ็นเตอร์แบ็กระดับโลก รับใช้ กลุ่มเชลซี มานาน 6 ปี สัมผัสเกียรติยศสูงสุดทั้งแชมป์ ฟุตบอลโลก ด้วยกัน ศึกยูโร กับ กลุ่มชาติฝรั่งเศส แต่ว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรกับยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน คว้าแชมป์ระดับสโมสรเพียง

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ยูฟา ซูเปอร์คัพ 
  3. แชริตี ชิลด์ 


นอกเหนือจากแชมป์ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 ระยะเวลา กับ เหล่าโอลิมปิก มาร์กเซย พร้อมกับ เหล่าเอซี มิลาน






4.เลดลี่ย์ คิง ตำแหน่งกองหลัง

ซึ่งหากจะเทียบความทำได้กันแล้ว เหตุด้วย คิง จัดเป็นกองหลังระดับหัวแถวของเกาะอังกฤษ แต่เจอปัญต่างว่าารบาดเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้ชีวิตการค้าแข้งไม่ราบรื่นนัก เคยถูก แฮร์รี เรดแนปป์ อดีตเจ้านาย ยกย่องในฐานะนักเตะมหัศจรรย์ ก็เพราะว่าไม่ศักยเตะบอลเต็มแรงระหว่างการซ้อม พร้อมด้วยลงสนาม 1 เกมต่ออาทิตย์ ทว่ายังคงเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ กลุ่มท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พาทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ ปี 2009 เท่าใบเดียว ตลอดระยะเวลา 13 ปี





5.ดาวิด ชิโนล่า ตำแหน่งปีก

เขาก็เป็นกำลังสำคัญของ หมู่นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเคยกุมความได้เปรียบเหนือ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 แต้ม ฤดูกาล 1995-96 แต่กลับปิดซีซันพ่าย หมู่ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาง 4 แต้ม




6.สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำแหน่งกองกลาง

ขึ้นทำเนียบนักเตะดีสุดที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ทำได้ใกล้เคียงสุดขณะฤดูกาลที่แล้ว พร้อมด้วยถูกหลอกหลอนจังหวะลื่นล้ม เกมพ่าย เชลซี คาบ้าน 0-2 เป็นเหตุให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี แซงเข้าวิน ด้วยช่องว่างพ่าง 2 แต้ม





7.แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำแหน่งกองกลาง

เขานั้นไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือตลอด ถึงแม้โดดเด่นจากทักษะ พร้อมด้วยการซัลโวประตูสุดสวยกับ เซาแธมป์ตัน ซึ่งไม่เคยหยิบยื่นโอกาสประสบความสำเร็จรายการใดๆ เลย แต่ก็ถือเป็นกองกลางที่มีฝีเท้าฉกาจคนหนึ่งในเกาะอังกฤษ




8.เชส ฟาเบรกาส ตำแหน่งกองกลาง

หลังจากที่ได้ลงเล่นโปรแกรมบอลเกม ลีก คัพ ฤดูกาล 2003 - 2004 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ เหล่าอาร์เซนอล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่มีชื่อติดหมู่ชุดใหญ่ จึงไม่ได้รับเหรียญชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม แต่เจ้าตัว มีสิทธิ์ทำสำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ เชลซี ในซีซันนี้




9.แกเร็ธ เบล ตำแหน่งปีก

ภายหลังที่ได้อำลาจากถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยค่าจ้างอันเป็นสถิติสูงสุดของโลก 86 ล้านปอนด์ หรือว่า 4.3 พันล้านบาท แบบไม่เคยชูโทรฟี่ใดๆ บนเกาะอังกฤษเลย แต่หลังขนส่งไปอยู่ พวกเรอัล มาดริด กับรอบรู้หยิบแชมป์ 4 รายการ ภายใน 18 เดือน




10.จิอันฟรังโก้ โซล่า ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งเขานั้นเคยคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา เคียงข้าง ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์มาแล้วกาลเวลาค้าแข้งกับ กลุ่มนาโปลี ก่อนย้ายมาอยู่ พวกเชลซี เมื่อปี 1996 แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ศูนย์หน้าร่างเล็กพาคณะคว้าแชมป์ 6 รายการ ยกเว้น ศึกพรีเมียร์ลีก





11.ร็อบบี่ ฟาวเลอร์ ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งดาวยิงสูงสุดอันดับ 6 ของ ศึกไฮไลท์พรีเมียร์ลีก จำนวน 162 ประตู เขานั้นมีสัญชาตญาณในการจบสกอร์ที่เยี่ยมยอด พร้อมกับได้พา พวกหงส์แดง คว้าโทรฟีมากมาย ทั้ง

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ลีก คัพ 2 สมัย
  3. ยูฟ่า คัพ 
  4. ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 


แต่ว่าก็ไม่เคยจับถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก เลย

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์บอล: จนกระทั่งเจอร์ราร์ด และงานชี้ขาดใจ ที่กลับกลายชีวิต

จนถึงเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต




วิเคราะห์บอลคงพูดไม่ผิดนักสมมตจักปริปากว่า ภาพของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในชุดเสื้อสีอื่นที่นอกเหนือจากสีแดงเพลิงของทีมลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเหล่า Kopites ทั้งปวง

ซึ่งหมู่มวลค็อปชนนั้นไม่เคยคิดมาก่อนแม้สักเวลานาทีว่ากัปตันเหล่ายอดดวงใจของพวกเขานั้นจะจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่กับกรุ๊ปใดอีก เพราะเฉพาะในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ทุกคน เชื่อ นั้นคือเจอร์ราร์ด จะอยู่กับ ทีมลิเวอร์พูล สโมสรเดียวตลอดไปจนเลิกเล่นฟุตบอล มีสถานะเป็น One-man-club เป็นตัวอย่างของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่รับใช้สโมสรไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายในเกมลูกหนัง

แต่ว่าน่าเสียดายกับน่าเสียใจที่สิ่งเหล่านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น เท่าที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เตรียมประกาศการตกลงใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ที่ว่าเขาคงต้องไปจาก ถิ่นแอนฟิลด์แล้วหลังจบฤดูกาลนี้

ซึ่งความแน่นอนแล้วเจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสที่จะไปจาก ฝ่ายฟุตบอลลิเวอร์พูล มาก่อนครับ พร้อมด้วยเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงมากด้วยอย่างน้อยถึง 2 ครั้งด้วยกัน




ในครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาล 2003 - 2004
พร้อมกับ.oอีกครั้ง  ซึ่งใกล้เคียงยิ่งกว่าในช่วงหลังจบฤดูกาล 2004 - 2005 โดยทั้งสองครั้งเป็น หมู่เชลซี ที่พยายามจะเจรจาเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมกรุ๊ปให้ได้ พร้อมกับครั้งหลังนั้นเจอร์ราร์ด ตอบตกลงด้วยวาจาไปแล้ว

แต่ว่าในคืนสุดท้ายหลังทบทวนตัวเองอย่างดี เสียงของหัวใจบ่งกับเขาว่า แม้การไปอยู่ คณะเชลซีจะทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะไม่มีเสื้อสีไหนนอกจากสีแดงของลิเวอร์พูล สนามใดนอกเหนือจากแอนฟิลด์ กับแฟนบอลกลุ่มไหนนอกเหนือจากเหล่า ฝ่ายเดอะ ค็อป ที่เขาต้องการรับใช้

ตัวของเจอร์ราร์ด จึงไม่ได้เป็นปางกัปตันฝ่ายผู้ยิ่งใหญ่

แต่ว่าเขายังเป็นผู้รับใช้สโมสรที่จงรักภักดีมากที่สุดคนหนึ่งด้วย





รวมทั้งโอกาสของความสำเร็จ ด้วยกันเงินตราไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต ก็เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการทำให้ได้คือการนำ เหล่าลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการจักทำให้ได้เช่นนั้น นั่นหมายถึงการ เสียสละ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

แต่ว่าในขณะที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรซ เลือกที่จักทิ้งสโมสรอย่างทีมลิเวอร์พูลไปก็เพราะว่ารู้ถึง ศักยภาพ ของยักษ์หลับในอดีตว่าเป็นเรื่องยากที่จักกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ดังนั้นเจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่กล้าไม่รับสโมสรอย่าง ทีมบาเยิร์น มิวนิค ด้วยกัน กลุ่มเรอัล มาดริด เพื่ออยู่ที่แอนฟิลด์รองลงไป

ก็ไม่มีใครรู้ครับว่าน้ำหนักของ ความรับผิดชอบ ที่เจอร์ราร์ด แบกรับแทนทุกคนตลอดระยะเวลา 11 ปีของการเป็นกัปตันหมู่นั้นหนักหนาแค่ไหน

ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้และรับไว้ด้วยความเต็มใจ โดยมิได้ปริปากใดๆไฮไลท์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้จักไม่เป็นได้บรรลุภารกิจในการนำพาสโมสรกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้ เพราะว่าเฉพาะกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ซึ่งทำได้ดีที่สุดเท่าแค่การเป็นรองแชมป์ 3 ครั้งในฤดูกาล
2001 - 2002
2008 - 2009
2013 - 2014

ซึ่งก็ได้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม เท่าที่เจอร์ราร์ด เป็นคน ลื่นล้ม กับ อนุญาตให้โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขาหลุดมือไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาด้วยกันเหล่าเดอะ ค็อป นั้นมี ความทรงจำ ที่งดงามร่วมกันมากมาย

นับจากวันแรกที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง สู่ประตูแรกที่สวยงามในเกมกับเชฟฟิลด์ เวย์นสเดย์ ก้าวสู่การเป็นกองกลางตัวหลักของพวก ด้วยกันการเป็นกัปตันหมู่

ซึ่งจาก ปาฏิหารย์ที่อิสตันบูล กับโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 2005 สู่ ปาฏิหารย์แห่งคาร์ดิฟฟ์ กับโทรฟี่เอฟเอ คัพ ในปี 2006



ดังนั้นเจอร์ราร์ด เป็นทั้งแรงบันดาลใจ กับศูนย์รวมใจของ ฝ่ายลิเวอร์พูลตลอดมา

แต่ว่า จนกระทั่งวันเวลาเดินทางมาถึงวันที่แข้งขานั้นไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พละกำลังไม่มีเหมือนเก่า นักฟุตบอลผู้ทระนงในการเล่นอันสง่างามของตัวเองอย่างเจอร์ราร์ด ยังไม่อาจตัดใจยอมรับสภาพของตัวเองได้

ซึ่งรายได้พร้อมด้วยระยะเวลาในหนังสือสัญญา 12 เดือนที่ คณะลิเวอร์พูล เพิ่งจะมอบให้ในเดือนพฤศจิกายน

- ซึ่งนี่จักเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำถามว่าเหตุใดบอร์ดบริหารhttp://sport.sanook.com/football/premierleague/จึงดำเนินการล่าช้าขนาดนี้

- พร้อมด้วยไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่าเขา นักฟุตบอลผู้เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล จักต้องตกอยู่ในฐานะตัวสำรองที่ต้องเฝ้ารอโอกาสตัวเองอย่างอดทน ใช่ไหมสมมตลงตัวแท้ก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ตัวถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากในความรู้สึก

ถ้าถ้าหากอยู่อย่างนี้ สู้จากไปเสียดีกว่า ไปค้นหาความท้าทายใหม่ในบั้นปลายของชีวิตการเล่น ไปในที่ที่เขายังรอบรู้เป็นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งก็ไม่มีหนทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ดังนั้นนี่จึงเป็นการตัดสินใจ เพื่อตัวเอง ครั้งแรกพร้อมกับครั้งเดียวของเจอร์ราร์ด เป็นการ ปลงใจแห่งชีวิต ที่เดอะ ค็อปทุกคนควรต้องยอมรับกับ ปลดปล่อยให้เขาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เช่นกันกับเพื่อให้สโมสรได้ก้าวเดินหลังจากนั้นข้างหน้าไม่ต้องเสียเวลากังวลกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นเขาอีก

พร้อมด้วยการปลงใจครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนได้ ตระหนัก ถึงความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลคนนี้อีกครั้ง เพราะบางทีการมองจากเบื้องหน้านั้นเราอาจไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ด ได้เท่ากับการมองจากเบื้องหลังในวันที่เขาต้องไป

ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ด จักไม่ได้ลงนามในหนังสือสัญญาฉบับสุดท้ายที่สโมสรมอบให้ และแม้จะต้องร่ำลาจากกันไปก่อนในวันนี้

แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตารางบอลสโมสรตลอดระยะเวลา 16 ปีในการเป็นนักเตะ กับอีก 25 ปีที่ใช้ชีวิตในรั้วแอนฟิลด์ พร้อมกับ 34 ปีที่มอบทั้งกายและใจให้แก่ลิเวอร์พูล สโมสรรักแรกพร้อมด้วยรักเดียว

สมมุติต่อให้จักไม่ได้สถานะ One-man-club เหมือนเจมี่ คาร์ราเกอร์ - แล้วเจอร์ราร์ด นั้นยังคงเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งในดวงใจของเดอะค็อปชนเสมอ ในฐานะ มิสเตอร์ ทีมลิเวอร์พูล ที่ไม่มีใครสามารถทดแทนได้ตลอดกาล

ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เจอร์ราร์ด จักมอบให้แก่เดอะ ค็อป คือ สบถสาบานใจ ที่จักประภาษกล่าวกับทุกคนว่าอย่าได้เศร้าเสียใจนาน

เพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นเหมือนชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งขณะถึงเวลา เขาจะกลับมา และจักไม่มีวันจากไปไหนอีก !!

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: แหวจักไม่กระไรแล้วนะ!!! อย่างเดียวจำเป็นขอให้สนทนาสักทีแล้วล่ะ

ต้องพูดถึงแล้วนะเพราะว่า ภาษาอังกฤษสำเนียงเมียเช่า?




ซึ่งในหลาย ๆ วันที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสวิเคราะห์บอลไทย ที่กลบทุกกระแสข่าว บนโลกออนไลน์ เสียงชื่นชม และร่วมกันอิ่มเอิมกับสิ่งที่เรียกว่า ความสุข ของชาวไทย คือความรู้สึกที่เราช่วยกันแชร์ต่อถึงห้วงเวลาที่แสนดีครั้งนี้

แต่ว่าส่วนตัวผม ก็เชื่อว่าหลายคนคงมีความรู้สึกว่า ตลอดสัปดาห์ที่พ้นมา มีมนุษย์อยู่หนึ่งคน ที่ทำให้ความรู้สึกของกองสนับสนุน ที่กลับมารักด้วยกันศรัทธาในเกมลูกหนังตั้งคำถามว่า ผู้ชายคนนี้ มันต้องการอะไรจากสังคม

ถูกต้องแล้วครับ ผมกำลังพูดถึงการโพสข้อความพ้นเฟซบุคส่วนตัวของอาจารย์จากมหาลัยดัง ที่ถูกแย้มแพร่ด้วยกันแชร์รองลงไปในวงกว้าง ถึงแนวคิดอันสุดโต่ง กับกีฬาฟุตบอล

โดยที่ผมเล่าตรงนี้เลยนะครับ ตลอดสัปดาห์ที่พ้นมา แม้อาจจะเห็นข้อความของอาจารย์ท่านนี้ ทะลวงการแชร์อย่างมากมาย แต่ผมก็คิดว่ามันก็เป็นแค่พวกหิวทวนกระแส ด้วยกันอยู่แค่กลุ่มเล็กๆ เผลอๆ รู้สึกไปคนเดียวด้วยซ้ำ

แต่ว่าหลายๆ คนคงอาจมีคำถามอยู่บ้างว่า ทำไม ข่าวคนนี้ถึงไม่อยู่ใน บนข่าวกีฬาผลบอลของเว็บ Sanook.com เลย

ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่า ผมเองและพี่ๆ ในทีมงาน มองเป็นทำนองเดียวกันว่า เราไม่ควรที่จักให้ค่า กับสิ่งที่เขาพูด

แต่ในทันทีที่โพสขบวนล่าสุด ของมนุษย์ผู้ถูกคนตามจวกกว่าค่อนประเทศ โพสตำหนิ การให้สัมภาษณ์ของ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ว่า พูดภาษาอังกฤษสำเนียงแบบเมียเช่าฝรั่งพัทยา




แค่แว๊บแรกที่ผมเห็น เอื้อนตามตรงว่า จุกในลำคอ พร้อมกับในสมองคิดอย่างเบาๆว่า ไอ้...มันต้องการอะไร (เว้นช่องให้เติมกันเองแล้วแต่สะดวกครับ)

พร้อมด้วยเฟซบุ๊คคือพื้นที่ส่วนตัว ใครก็ไม่ชอบใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเข้ามาดูเข้ามาอ่าน อันนี้ผมไม่เถียงซักแอะ

เท่าแต่ว่า ไอ้ประโยคที่ พูดในทำนองเหยียดหยาม พร้อมทั้งกดคนอื่นว่าต่ำกว่าตน แบบนี้มันสมควรแล้วไม่ก็ที่จะโผล่ออกมาจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น ครูบาอาจารย์

โดยที่ โค้ชซิโก้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อพูดภาษาอังกฤษให้สำเนียงเหมือนต้นแบบ เขาเกิดด้วยกันโตมากับฟุตบอล เส้นทางเกินกว่าครึ่งชีวิตเขาก็มาจาก ฟุตบอล

แต่ว่าภาษาอังกฤษ ที่เขาต้องพูด ก็เพราะว่าต้องการสื่อสารให้เข้าใจกับ ผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ยิงคำถามต่างๆนานา มันก็เท่านั้น

ก็อย่าลืมว่า การเข้ามารับงานโค้ช และพากรุ๊ปชาติไทย ก้าวขึ้นไปหยิบแชมป์อาเซียน มันคือสิ่งที่หลายคนในประเทศนี้ไม่มีโอกาสได้ทำ พร้อมด้วยสมมติได้ทำก็ไม่รู้จักทำได้เยี่ยงเขาหรือเปล่า

ซึ่งการตั้งต้นต้นวิ่งชนกับความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าใครจักทำได้ การที่เขาได้เข้ามายืนในตำแหน่งแห่งความหวัง ที่คนไทยต่างเฝ้ารอความฝันอันสูงสุด มันคือยุคขึ้นต้นต้น

เพราะว่าที่นักเตะอายุน้อย และโค้ชอายุน้อย กำลังจะร่วมกันสร้างทีมแห่งอนาคต อย่าให้คนปางคนเดียวเข้ามาทำให้ พวกเขาห่อเหี่ยวหัวใจเลยครับ

และถ้าหากอาจารย์ท่านนี้ ที่พกดีกรีนู่นนี่นั่น คุณวิจารณ์ในศาสตร์พร้อมทั้งวิชาที่คุณถนัด อันนี้ใครจักว่าคุณได้ ตามสบายเลยลูกเพ่

พ่างแต่ที่ชี้แจงว่า

  • ชัปปุยส์ติดฝ่ายชาติก็เพราะว่าหล่ออย่างเดียว
  • ซิโก้ไม่ควรเป็นโค้ชเพราะว่าอายุน้อย 


ซึ่งมันชัดว่ามันเปรยว่าคุณ ดูบอลเป็นเหรอไม่เป็นกันแน่

ในส่วนลูกสมุนของมนุษย์ท่านนี้ ก็เข้ามาเห็นด้วยครับอาจารย์ พร้อมกับ ร่วมกันสรรเสริญว่าถูกต้องครับอาจารย์ ผมละ สะอิดสะเอียนจนใคร่จักสำรอกออกมา





ด้วยเหตุด้วยกันผลคือสิ่งที่ไม่มีวันตาย ชัปปุยส์ ถ้าตัดความหล่อออกไป เขาก็ยังคู่ควรกับโปรแกรมบอลคณะชาติไทยอยู่ดี ถามว่ามันผิดด้วยเหรอ ที่ดันทะลึ่งเกิดมาหน้าตาหล่อ

ในส่วนแนวคิดว่า โค้ชที่ดีพร้อมกับจักประสบความสำเร็จต้องอายุ 50 ปีขึ้นไป คำตอบมีให้เห็นแน่นอนอยู่ทั่วโลก ว่าอาจารย์ท่านนี้พูดมามันใช่เหรอ

เพราะที่รูปแบบด้วยกันแนวทางการดำเนินชีวิตของ โค้ชซิโก้ ที่พร้อมจักเป็นแบบอย่าง ให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม กำลังถูกว่าร้ายแบบไร้ซึ่ง เหตุผล

ถึงแม้จักเป็นในวงแคบๆ ของคนจิตใจแคบพร้อมทั้งตีบตัน ผมว่ามันไม่สมควร อันนี้ใครจะเห็นต่างก็ไม่ว่ากันครับ

ก็เอาเป็นว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วมีความสุข ก็ขอให้โชคดีนะอาจารย์ ผมคนหนึ่งละที่มองตรงกันข้ามกับอาจารย์ทุกอย่างที่อาจารย์ว่ามา เฉพาะเรื่องฟุตบอลนะครับ

ด้วยกันผมคงไม่ผิดใช่มั้ยที่จักสนทนาว่า คุณก็มีดีในศาสตร์ของคุณ ผมเองก็มีดีในศาสตร์ของผมเช่นกัน

ปางแต่ว่าลูกผู้ชายอย่างผมก็ ไม่เคยแม้จะเอื้อนเอ่ย หรือว่าวิจารณ์ ในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดเลยสักนิด

วิเคราะห์บอลวันนี้ทุกคู่  โดย บ.ส้มซิ่ง

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

โปรแกรมบอล:คณะเรอัลมาดริด สมควรจัดจำหน่าย เบลใช่ไหมไม่?

ทีมเรอัลมาดริด ควรขาย เบลหรือว่าไม่?




แฟนบอลวิเคราะห์ผลบอลกว่า 3 หมื่นกว่าคน ที่เยี่ยมชม เว็บไซต์อาส สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศสเปน เพราะว่าในหัวข้อที่เปิดให้รวมโหวตว่า แกเร็ธ เบล สมควรอยู่ราชันชุดขาวต่อหรือไม่ไม่นั้น มีถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ที่เห็นด้วย

โดยสืบเนื่องมาจากที่มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อย่าง กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นมีแผนจักใช้งบคาดว่าสูงถึง 120 ล้านปอนด์ หรือไม่ถ้าเทียบเป็นเงินยูโร ก็แค่ 150 ล้าน เท่านั้นเอง ในการดึงปีกชาวเวลส์ มาร่วมคณะ

กับตราบไปสัมภาษณ์กับ หลุยส์ ฟาน ฮัล กุนซือชาวดัตช์ของ กลุ่มผีแดง ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวก็เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม เขาหนีไปพึ่ง ซีอีโอของเหล่าว่า เขาอยากจะคุยเรื่องนี้เฉพาะกับผู้บริหารของพวกเท่านั้น ไม่ใช่สื่อมวลชนใดๆ ทั้งสิ้น

และสมมต เหล่าผีแดงยื่นเงินมหาศาลจำนวนเงินขนาดนั้นเข้ามาครันๆ นั่นเท่ากับว่า จักทำลายทุกสถิติ รวมถึงสถิติ ของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมกลุ่ม กับ สถิติของตัวเอง ทั้งหมดอีกต่างหาก




ซึ่งถึงแม้ว่าจำนวนเงินดังกล่าว จักยังไม่ได้ถูกยื่นเข้ามาจริงๆ จังๆ ตามข่าว แต่ทว่าแฟนบอลที่ติดตามฟุตบอลสเปน ในเว็บไซต์กีฬาอาส เกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ก็หิวได้เงิน 150 ล้านยูโร มากกว่า แกเร็ธ เบล เสียแล้ว

กับถ้าเอาเข้าจริงตารางบอล จำนวนนี้ก็มากพอที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จะเนรมิตรอะไรในกลุ่มใหม่ก็ได้ รวมถึงชื่อสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนชื่อไปตามสปอนเซอร์อภิมหาเศรษฐี เจ้าของกลุ่มทุนปิโตรเลียมจากตะวันออกกลาง ก็อาจจะต้องแหวกประเพณีไปใช้ชื่ออื่น

โดยที่เป็นไปได้ว่าแฟนบอลที่เห็นด้วย ต้องการได้เงินมารักษาประเพณีของลาลีกา พร้อมทั้ง ความมั่นคงของสโมสรหมู่ฟุตบอลในสเปนมากกว่า จักรั้งซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งไว้

เหรอนั่นอาจเป็นแฟนบอลฝ่ายอื่นๆ ที่ตะโกรงจักให้ เบล ไปจาก พวกเรอัล มาดริด นั่นแปลว่า เขาใคร่จักให้ พวกราชันชุดขาว เหระบือแค่ โรนัลโด้ ทางฝั่งซ้ายเท่านั้น จักทำให้กองหลังเหล่าอื่นๆ งานเบาขึ้นก่ายกอง




แต่นั่นก็จะมีเบล หรือไม่ ไม่มีเบล เพราะด้วยหมู่เรอัล มาดริด ก็เคยเอาตัวรอดมาได้แล้ว ในช่วงที่ปีกพญาวานรบาดเจ็บ ในนัดที่ไปเยือนอัลเมเรีย รวมถึงนัดที่เปิดบ้าน กลับมาชนะ พวกบาร์เซโลน่า 3-1 พอปลายเดือนตุลาคมที่พ้นมา

โดยที่นักเตะอย่าง อิสโก้ กับ ฮาเมส โรดริเกซ ก็สมรรถเล่นเป็นตัวในก็ได้ ใช่ไหมริมเส้นก็ดี คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้สองคนนี้ เล่นแทนได้อย่างไม่เขอะเขิน แม้คุณภาพความเร็ว จักเป็นรอง แกเร็ธ เบล พอสมควร

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้ง อิสโก้ กับ ฮาเมส มีประโยชน์กับเกมแถวๆ ตรงกลางมากกว่า ที่จะให้ไปกระชากพร้อมทั้งวิ่งที่ริมเส้น ก็เพราะว่าคราใดที่ ลูก้า โมดริช เจ็บ สองคนนี้รักษาสมดุลตรงกลางสนามได้อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ ต่างว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งมาแทนเบลแบบตายตัวแล้ว ตรงกลางสนามจะควบคุมเกมกันไม่ได้อย่างที่เป็นทุกวันนี้

ในบางครั้งที่ ตัวของเบนเซม่า นั้นบาดเจ็บ ส่วนฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เฮอร์นานเดซ อาจจักเล่นไม่ได้มาตรฐานกับเฟรนช์แมน แกเร็ธ เบล ยังศักยไปเล่นหน้าเป้าได้ด้วยซ้ำ เหมือนที่ทำกับกลุ่มชาติเวลส์




ซึ่งสมมต ฝ่ายเรอัล มาดริด นั้นตะกลามจักขายนักเตะเพื่อจำนวนเงินมหาศาลยิ่งๆ นักเตะที่พวกเขาไม่ใช้ อย่าง

  • คาเซมิโร่
  • อาเซียร์ อิญาร์ราเมนดี้ 

นั้นควรจักอยู่ในบัญชีนี้มากกว่าอีก อย่างน้อยๆ สองคนนี้ ต้องเข้ากระเป๋าสัก 30 ล้านยูโร

ด้วยกันเพื่อฟาบิโอ โคเอ็นเทรา พร้อมกับ ราฟาเอล วาราน ก็เนื้อหอมใช่ย่อย เป็นได้เรียกค่าได้สูงๆ จากสองแข้งแนวรับนี้แน่นอน

ภายหลังที่ตัวผมเกริ่นมาทั้งหมด ในการยอมขายพวกตัวรับ มากกว่าที่จักให้ เบล ออกจาก เหล่าเรอัล มาดริดไปยิ่งๆ คงหนีไม่พ้นเกมรุกที่เอ็นเตอร์เทนแฟนบอลได้อย่างดีของพวกเขา

โดยที่แกเร็ธ เบล ได้ลงพร้อม กับ ตัวโรนัลโด้, กับฮาเมส พร้อมทั้ง อิสโก้ เห็นๆ กันอยู่ว่าโคตรหลากหลาย เกมรับจะเป็นยังไงผมไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าฟุตบอลสมมติจักเสียประตูบ้าง ผมมองว่ามันเป็นสีสัน

ในการทำประตูเป็นจุดขายของ ลาลีกา มานานแล้ว กว่า 1045 ประตูในซีซั่น 2013-2014 เป็นรอง พรีเมียร์ลีก แค่เท่า 7 ประตูเท่านั้นในซีซั่นเดียวกัน




ก็เพราะว่าฉะนั้นนี่คือลีกฟุตบอล ที่เน้นเกมรุกที่เร้าใจ ไม่ว่าหมู่เล็กๆ อย่าง หมู่เออิบาร์ พร้อมทั้งทีมดาวรุ่งอย่าง คณะบีญาร์เรอัล พวกเขาก็ไม่เคยคิดจะเล่นรับกันเลยแม้เจอกับทีมใหญ่ ทำให้ผมชอบนักเตะเกมรุก มากกว่าเกมรับเป็นแน่แท้

แล้วเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของ กลุ่มเรอัล มาดริด มีคลาสกลุ่มที่ไม่เป็นรองใครในโลก หากมีทีมใดจักมาซื้อนักเตะที่พวกเขาใช้งานอยู่ไป นั่นหมายความว่าต้องเป็นเหล่าที่ดีกว่า เหล่าเรอัล มาดริด เท่านั้นไม่ก็เปล่า

นั่นมันเหมือนหยามหน้า ยอดกรุ๊ปเบอร์หนึ่งของโลกเวลานี้ชัดๆ

พร้อมกับถ้าหากผมเป็นประธาน กลุ่มเรอัล มาดริด แล้วมีข้อเสนอยื่นมาแน่แท้ 200 ล้านปอนด์ผมก็ไม่ขาย แล้วทำให้เป็นข่าวออกสื่อด้วย นอกจากจักได้ใจแฟนบอลที่ตามสนับสนุนเรอัล เพราะซูเปอร์สตาร์แล้ว

ทั้งยังเพิ่มระดับความไฮเอนด์ให้กับคณะเป็นทวีคูณ ก็เพราะว่านี่คือ หมู่เรอัล มาดริด ชุดสีขาว ที่นักบอลตะกลามใส่กันนักกันหนายังไงเล่า

Palm

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอล: การจ่ายตัวนักฟุตบอลที่ดูเหมือนจะครอบครองการลงทุนที่ล้มเหลว

นับเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว จนโลกต้องจดจำ




ซึ่งก่อนที่เราจะ ฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการหวนกลับไปรำลึกถึงเหล่านักเตะฟุตบอล หมู่เจ้าบุญทุ่ม ผู้ที่เข้าข่ายตำน้ำพริกละลายทิ้งแม่น้ำกันดีกว่า มาดูกันว่ามีกลุ่มใดบ้างที่สู้อุตส่าห์ทุ่มเม็ดเงินมหาศาล แต่กลับคว้าน้ำเหลวไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเป็นชิ้นเป็นอัน



1.กลุ่มอันจิ ทุ่มเงินไป 115 ล้านยูโร ใน ปี 2011




ภายหลังที่มหาเศรษฐี ซูไลมาน เคอร์มอฟ ได้เข้ามาซื้อ ฝ่ายอันจิ พร้อมกับดำเนินแบบตามลอยหมู่ดังกรุ๊ปอื่นๆ ในทวีปยุโรปด้วยการที่ควักกระเป๋าก้อนโต กว้านซื้อนักเตะซูเปอร์สตาร์เข้าสู่หมู่ ไล่ตั้งแต่

  1. โรแบร์โต้ คาร์ลอส
  2. ซามูเอล เอโต้
  3. เอ็มบาร์ค บูสเซาฟา
  4. ชูซิเล่ 
  5. เมห์ดี้ คาร์เซล่า 

แต่ผลปรากฏออกมาว่า คณะล้มเหลวไม่เป็นท่า พร้อมกับตามมาด้วยปัญสมมติารขาดทุนต้องขายซูเปอร์สตาร์เพื่อลดค่าใช้จ่าย



2.คณะควีนส์ปาร์ค ทุ่มเงินไป 50 ล้านยูโร  ในปี 2012)




ทีมควีนส์ปาร์ค ก็ได้ทุ่มเงินเพื่อความอยู่รอดของ สโมสร หลังจากที่ได้อนุมัติเงิน 50 ล้านยูโร เพื่อดึงนักเตะดังอย่าง

  1. ปาร์ค จี ซอง
  2. โจเซ่ โบซิงวา
  3. ชูลิโอ เซซาร์
  4. เอสเตบัน กราเนโร่
  5. สเตฟาน เอ็มเบีย 
  6. โลอิค เรมี่ 

เข้าสู่ฝ่าย แต่ว่า ผลสุดท้ายก็ไปไม่รอด ด้วยกันยังคงตกชั้นเช่นเดิม




3.คณะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทุ่มเงินไป 150 ล้านยูโร  ในปี 2013




ภายหลังที่ได้ขาย แกเร็ธ เบล ให้ กรุ๊ปเรอัล มาดริด โดยได้กำไรมหาศาล ซึ่งสโมสรก็ได้นำเม็ดเงินดังกล่าวเข้ามาตกแต่งขุมกำลังใหม่ทันที บรรดานักเตะค่าจ้างแพงทยอยเปลี่ยนที่เข้าสู่รัง กรุ๊ปไวท์ ฮาร์ท เลน ไล่ตั้งแต่

  1. โรแบร์โต้ โซลดาโด้
  2. เอริค ลาเมล่า
  3. เปาลินโญ่ 
  4. คริสเตียน เอริคเซ่น 

พร้อมกับยังไม่รวมแข้งอื่นๆ อีกเพียบ ผลบอลที่ได้รับ ตอนนี้มีแค่ เอริกเซ่น คนเดียวเท่านั้นที่เล่นได้คุ้มค่าตอบแทน



4.กรุ๊ปโมนาโก ทุ่มเงินไป 190 ล้านยูโร  ในปี 2013




พวกโมนาโก เปิดโฉมใหม่มาด้วยความทะเยอทะยาน ทะเยอทะยานจะถีบตัวเองขึ้นเป็นยอดกลุ่มของยุโรป ปีแรกก็ได้ทุ่มเงินไป 190 ล้านยูโร ซื้อนักเตะที่ตัวเองคิดว่าดีทันที

  1. ราดาเมล ฟัลเกา
  2. เจา มูตินโญ่
  3. ฮาเมส โรดริเกซ 
  4. เจฟฟรีย์ ก็องด็อกเบีย 

แต่ว่าโชคไม่ดีที่ แค่ปีแรกตัวของ ฟัลเกา ก็เล่นไม่คุ้มค่าตอบแทนแล้วเพราะว่าเจ็บยาวที่หัวเข่า



5.เหล่าลาซิโอ ทุ่มเงินไป 120 ล้านยูโร ในปี 2001




ฝ่ายลาซิโอ ซึ่งเป็นกรุ๊ปกลางๆ จากศึกเซเรีย อา ไม่น่าเชื่อว่าจักเคยมีโมเมนต์แบบนี้กับเค้าด้วย ในปี 2001 สโมสรเคยคิดหิวจะเป็นใหญ่ในยุโรป จึงได้ใช้เงิน 120 ล้านยูโร ดึงแข้งระดับสตาร์สู่สโมสร ทั้ง

  1. กาอิซก้า เมนดิเอต้า
  2. ดาร์โก้ โควาเซวิช
  3. สเตฟาโน่ ฟิออเร่
  4. จูเลียโน่ จิอันนิเคดด้า 
  5. ยาป สตัม 

ซึ่งบทสรุป นั้นมีแค่ ยาป สตัม ที่โดดเด่นเป็นดีลที่คุ้มค่าที่สุด ส่วนในด้านของ 1.เมนดิเอต้า พร้อมด้วย 2.โควาเซวิช นั้นถือว่าน่าผิดหวังมาก




6.คณะลิเวอร์พูล ทุ่มเงินไป 160 ล้านยูโร  ในปี 2014




พวกลิเวอร์พูล นั้นมองเห็นอนาคตจากผลงานสุดยอดในฤดูกาล 2013 ในซัมเมอร์ปี 2014 ทางสโมสรจึงได้ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อหวังสานต่อความสำเร็จรวมถึงต้องการหาคนมาชดเชยการจากไปของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นนักเตะมากหน้าหลายตาถูกดึงมาที่นี่ ไล่ตั้งแต่

  1. มาริโอ บาโลเตลลี่
  2. อดัม ลัลลาน่า
  3. เดยัน ลอฟเรน
  4. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  5. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 

แต่ว่าช่วงนี้ผลงานของพวกลิเวอร์พูลนั้นกำลังจมดิ่งสู่ก้นเหว



7.ฝ่ายเรอัล มาดริด ทุ่มเงินไป 260 ล้านยูโร  ในปี 2009




เกี่ยวกับหมู่ราชันชุดขาวนั้นได้ทุ่มทุนมหาศาลแบบสุดๆถึง 260 ล้านยูโร เพื่อล่าลายตัวของ

  1. โรนัลโด้
  2. คาริม เบนเซม่า
  3. ชาบี อลอนโซ่
  4. ริคาร์โด้ กาก้า
  5. ราอูล อัลบิโอล 

แต่ว่าจบฤดูกาลแชมป์ได้ตกเป็นของ พวกบาร์เซโลน่า

ส่วนในรายของ

  1. โรนัลโด้
  2. เบนเซม่า 
  3. อลอนโซ่ 

นั้นถือว่าเป็นการซื้อที่คุ้มค่า แต่ว่าเนื่องด้วยเงิน 65 ล้านยูโร ที่เป็นค่าจ้างของ กาก้า กลับดูแพงเกินไป



คาร์ราเกอร์ ได้จัด โคตร 11 นักเตะที่ ยอมเยี่ยมศึกพรีเมียร์ลีก




ภายหลังที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่เป็นตำนานกองหลัง เหล่าลิเวอร์พูล ได้ออกมาจัดเหล่ารวมยอดแข้งของศึกพรีเมียร์ลีก โดยได้มีเพื่อนร่วมคณะเก่าติดเช่นคนเดียวคือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พร้อมทั้งมีผู้เล่นจากทีมคู่ปรับอย่างทัพ กรุ๊ปปีศาจแดง ติดมาถึง 5 คนด้วยกัน

เพราะว่าที่อดีตแนวรับ ในวัย 36 ปี ที่ปัจจุบัน ได้ผันตัวไปเป็นนักวิเคราะห์บอลลูกหนังของ สื่อสกาย สปอร์ตส์ พร้อมกับ ได้เขียนบทความเปลี่ยน สื่อเดลี่ เมล ซึ่งล่าสุดได้ลองจัดดรีมพวกข้ามแอคเคาน์ทส่วนตัวในเว็บไซต์ชื่อว่า Kicca


  1. ซึ่งแน่นอน ตำแหน่งผู้รักษาประตูของผมคือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล คงยากสมมตจะให้หานายประตูคนที่เก่งกว่าเขาแล้วล่ะ
  2. กับแย่หน่อยนะที่ ตำแหน่งแบ็คขวาเป็น แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งเป็นผู้เล่นชั้นยอดตลอดกาล แต่ว่าในไม่ช้าอาจจะโดน ปาโบล ซาบาเลต้า ชิงตำแหน่งไป ผมขอเอาใจช่วยนะ
  3. เพราะ ตำแหน่งแบ็คซ้ายใกล้เคียงกันมากระหว่าง 1.โคล, 2.เออร์วิน พร้อมทั้ง 3.เอฟร่า แต่ผมเลือกระฉ่อนกโคล ก็เพราะว่าช่วงที่พีค เขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมากๆ
  4. ต่อมาเพราะด้วยผมสุดยอด ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คในยุคของ ศึกพรีเมียร์ลีก ผมขอยกให้สองคนนี้เลย จอห์น เทอร์รี่ กัปตันของ กรุ๊ปเชลซี พร้อมกับ โทนี่ อดัมส์ตำนาน ทีมอาร์เซน่อล
  5. พร้อมด้วยไม่ว่าใครก็ต้องมี รอย คีน ใน ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเขามีอิทธิพลสูงกับ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แท้จริงๆ
  6. เพราะ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จักจับคู่กับ คีน สโคลส์ กับ แลมพาร์ดก็ใกล้แล้วแต่มันเฉือนกันแค่นิดเดียวครันๆ
  7. เพราะว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกขณะนี้ จะยืนฝั่งขวาในคณะนี้
  8. ตัวของ ไรอัน กิ๊กส์ ผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จที่สุด สร้างสถิติจำนวนนัดที่ลงสนาม กับถ้วยรางวัลซึ่งจะไม่มีวันถูกทำลาย จะเล่นฝั่งซ้าย
  9. ส่วนอลัน เชียเรอร์ ดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ยิงแทบทุกนัดที่ลงสนาม เขายืนหน้าเป้า
  10. ด้วยกันที่จักขาดไม่ได้ เธียร์รี่ อองรี ผู้เล่นที่เก่งที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในพรีเมียร์ลีก จักยืนเยื้องฝั่งซ้ายของ เชียเรอร์ เป็นตำแหน่งที่เขาไม่ถนัด



วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สกู๊ปวิเคราะห์บอลยอดเยี่ยมด้วยฟุตบอลไทยพร้อมทั้ง คำบอกเล่าสิ่งครูฝึกซิโก้

ครั้งต้นกล้ากำลังเกิด ก็อย่าเพิ่งเร่งให้โตไวนัก






ซึ่งหลังจากจบภารกิจพิชิตแชมป์แบบสุดระทึก หมู่ชาติไทยเดินทางมาถึงมาตุภูมิ ห้วงเวลานี้คือการเดินสาย ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุน

ในขณะเดียวกันการเตรียมพวก ชุดแห่งอนาคตนี้ ได้ถูกยิงคำถามว่า เราจะไปบอลโลกใช่หรือไม่ไม่?

ก็ต้องขอทำนูลว่า ใจเย็นเย็นครับลูกเพ่! มันยังไม่ใช่เวลานี้ครับ...

หลังจากที่เราเพิ่งวิ่งชนความสำเร็จ พร้อมกับเสียงชื่นชมจากคนทั่วทั้งประเทศ ไม่ผิดหรอกครับที่หลายคนจะมองไกลไปถึงฟุตบอลโลก




เพียงแต่ ผมขอย้ำเตือนได้เลยว่า มันยังไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้หรอก เราต้องค่อยๆ ขยับไปทีละขั้น จะดีกว่าครับ

โหมโรงแรกที่ทัวร์นาเม้นท์ ปลายปีหน้าก่อนเลยดีกว่าใน ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่แดน ลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์

นัดนี้ผมขอบ่งบอกว่าฝ่ายฟุตบอลกลุ่มชาติไทย กับ การป้องกันแชมป์ จักจัดหนักจัดเต็มอย่างแน่นอน!

ซึ่งทำไม? ผมถึงมั่นใจพร้อมด้วยกล่าวเช่นนั้นออกมา

ก็แหม จะไม่ให้พูดวิเคราะห์ผลบอลแบบนี้ได้อย่างไร ในคราวเหลือกระฉ่อนบไปมองทะเบียนผู้เล่นจากชุด แชมป์ซูซูกิคัพ 2014 หนนี้ ที่บรรดานักเตะเเลื่องดหนุ่มที่อายุยังน้อย พวกเขามีโอกาสได้ลงวาดลวดลายใน ศึกซีเกมส์ปลายปีหน้า ได้กว่าครึ่งฝ่ายเลยทีเดียว


  • ชนินทร์ แซ่เอียะ อายุ 22ปี
  • พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา อายุ 21ปี
  • อดิศร พรมรักษ์ อายุ 21ปี
  • นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม อายุ 20ปี 
  • ธนบูรณ์ เกษารัตน์ อายุ 21ปี
  • อาทิตย์ ดาวสว่าง อายุ 22ปี 
  • สารัช อยู่เย็น อายุ 22ปี
  • ชาริล ชัปปุยส์ อายุ 22ปี 
  • ชนาธิป สรงกระสินธ์ อายุ 21ปี 
  • อดิศักดิ์ ไกรษร อายุ 23ปี





ด้วยกันส่วนรายนามนักเตะ ชุดแชมป์โปรแกรมบอลซีเกมส์ ที่ประเทศเมียนมาร์ คนที่รอบรู้เล่น ศึกซีเกมส์ ที่ประเทศสิงคโปร์ได้อีกก็มีดังนี้


  • นูรูล ศรียานเก็ม อายุ 22ปี 
  • ภิญโญ อินพินิจ อายุ 22ปี 
  • ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ อายุ 21ปี 
  • สุริยา สิงห์มุ้ย อายุ 19ปี 
  • ปกรณ์ เปรมภักดิ์ อายุ 21ปี 
ซึ่งถ้าดูจากฟอร์ม กับ กระแสของฟุตบอลไทยเวลานี้ ทันทีที่เห็นสารบาญของพวกเขาแล้ว

แล้วถ้าจักสนทนาว่าเราเป็น ฝ่ายเต็ง 1 ของซีเกมส์ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เกินแน่แท้ แถมบัญชีชื่อเหล่านี้ ยังไม่รวม ดาวรุ่ง ดาวโรจน์ ที่กำลังรอเวลาโผล่ขึ้นมาอีกนะครับ

ตัวผมเชื่อลึกๆ ว่า ขอพ่างแค่เราไม่ประมาท เก็บตัวอย่างต่อเนื่อง พยายามหาแมตช์อุ่นเครื่องไม่ให้ขาด รับรองนักเตะ ชุดแห่งอนาคต คงจะหยิบแชมป์ซีเกมส์ มาให้ประเทศไทยได้ไม่ยาก




พร้อมทั้งส่วนเรื่องการลงคัดเเลื่องลือกบอลโลก 2018 ในช่วงปลายปีหน้า ผมเห็นด้วยกับประโยคของ ซิโก้ ที่ทูลว่า ต้นกล้ากำลังเกิด อย่าเพิ่งเร่งให้โตไวนัก

ซึ่งเราอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลยครับ ก็เพราะว่านักเตะชุดนี้ยังรอคอยเวลาเติบใหญ่อย่างแข็งแกร่ง เรื่องการได้ไปโลดแล่นใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ยังเป็นเรื่องยากอยู่มหาหินเฉกเช่นเดิม

ถ้าสมมุติคณะชาติไทย นั้นพยายามสร้างกลุ่มชุดนี้ ให้ยกระดับขึ้นไปอยู่แนวหน้าของเอเชียให้ได้เสียก่อน จากนั้นการมองไปถึงการเข้ารอบบอลโลกรอบสุดท้าย ค่อยมาว่ากันอีกที

คำที่ว่า บอลไทยไปบอลโลก ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกส่วนทุกฝ่ายไม่ช่วยกันลงมือทำ

ส่วนไอ้คนที่เอาแต่พูด เอาแต่ด่าว่า ไร้สาระ บอลไทยเนี่ยนะ จะไปบอลโลก ผมขอเถอะครับ! บางครั้งมันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมานะ

ถ้าจะติเพื่อก่อ อันนี้ผมว่าน่าเคารพ แต่ไอ้พวกที่วิจารณ์แบบไร้เหตุด้วยกันผล โดยหารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังโชว์รอยหยักในสมองอันน้อยนิดออกมา ผมว่าก็หยุดเถอะครับ




ซึ่งสุดท้าย เรื่องบอลโลก กับ ทีมชาติไทย ผมยกเอาตัวอย่างที่น่าชื่นชมอย่าง ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเขาเองก็สร้างพวกมานานกว่า 30 ปี ก่อนที่พวกเขาจักได้ไปเชิดหน้าชูตาในรอบสุดท้ายของศึกลูกหนังโลกได้

ประเทศไทยเราเองก็เช่นกัน การได้เริ่มต้นต้นนับ1..2....3 แบบวันนี้ ในสักวันนึง เราจักไปถึงฝั่งฝันที่ไม่ใช่แค่เรื่อง เพ้อเจ้อ อีกถัด

เรื่องเพราะ : บ.ส้มซิ่ง



โค้ชซิโก้ คือหนึ่งความภูมิใจของวงการฟุตบอลไทย





เหตุด้วยศึกที่เพิ่งจบไปหมาดๆ กับการทวงบัลลังก์แชมป์จ้าวอาเซียน ของเหล่าขุนพลนักเตะ กรุ๊ปชาติไทย ที่เป็นได้คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 ปิดผนังการรอคอยมาถึง 12 ปีเต็มได้อย่างงดงาม

แต่ก็กว่าจักได้มา ทำเอาดราม่าสุดๆ เหมือนกัน หลังถูกทัพ กรุ๊ปเสือเหโจษจันงถลุง นำ 3 - 0 ก่อนที่จะฮึดกลับมาสู้ซัดสองลูกรวดในช่วง 10 นาทีสุดท้าย นั่นทำให้ผลรวม 2 นัด ไทยนำผลบอล 4 - 3 และกลับมาเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด เล่นเอาแฟนบอลชาวไทยใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว




ซึ่งงานนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหัวจิตหัวใจนักเตะไทยที่ แกร่งเยี่ยงเพชร พร้อมด้วยยังมีสปิริตยืนหยัดสู้จนวินาทีสุดท้าย เพราะนี่ก็ถือเป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศในอีกรูปแบบหนึ่ง

เท่าแต่ถ้าจักยกให้ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็น แมน ออฟ เดอะ เยียร์ ผมก็มั่นใจได้เลยว่าแฟนบอลชาวสยามประเทศคงไม่ปฎิเสธกับตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน

พร้อมกับเนื่องด้วยผลงานอันสุดสะเด่านับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วกับการซิวแชมป์ ศึกลูกหนังซีเกมส์ ต่อด้วยการคว้าแชมป์อันดับที่ 4 ในศึกเอเซียนเกมส์ ล่วงเลยจนมาถึง ศึกซูซูกิ คัพ 2014 มันทำให้คนไทยมีความสุขมาโดยตลอดกับ การนั่งดูกลุ่มไทยลงเตะ

แต่ใครจักรู้ไหมครับ กว่าอดีตศูนย์หน้าตัวเก่ง ของเมืองไทยจักมาถึงขนาดนี้ได้ต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง แน่นอนกับการตกลงใจเข้ามาเป็นโค้ชเหล่าชาติไทยชุดใหญ่ก็เหมือนการสวมหัวโขนที่ต้องคอยกำกับพร้อมกับกระตุ้นนักเตะในกรุ๊ปเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้




ด้วยเหตุผลที่เรื่องที่จะต้องแบกรับความกดดันจากการคาดหวังจากหลายๆ ด้าน รวมถึงแฟนบอลชาวไทยที่กระหายเห็นสำเร็จในทุกๆ รายการที่แข่งขัน

ด้วยกันถ้าเราจักให้มองถึงการดูแลพวกชาติไทยนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะเฉพาะการคัดเละบือกนักเตะที่มาจากหลายๆ สโมสร ซึ่งอาจจะเป็นซุปตาร์ของสังกัดนั้นๆ แน่นอนระบบแท็กติกการเล่นก็จักแตกต่างกันไป

ด้วยกันแถมยังเละบือกมาก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์แบบ เพราะว่าต้องมาขัดเกลาหลอมรวมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวด้วยกันรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเองทั้งในด้วยกันนอกสนาม ซึ่งก็ถือว่าทำได้ยากกับแข้งวัยรุ่นช่วง 20 ต้นๆ

เท่าแต่ว่า ด้วยคาแร็กเตอร์ส่วนตัวของ โค้ชซิโก้ ที่มีพื้นฐานดีเยี่ยมในด้าน ระเบียบวินัย มันเลยเป็นจุดแข็งที่ติดตัวมาเพราะว่าตลอด ครั้งยังเป็นนักเตะจนทำให้กลายเป็น 1 ในสุดยอดศูนย์หน้าที่ดีที่สุดของเมืองไทยคนนึง




และรูปแบบการสร้างกลุ่มที่เห็นได้ชัด คือไม่นิยม เด็กเส้นเด็กฝาก เหมือนโค้ชต่างชาติที่เคยข้ามมา ที่เชี่ยวชาญลบภาพฟุตบอลไทยเก่าๆ ได้อย่างราบคาบ

โค้ชโก้ใช้ความเข้าใจในบุคลิกภาพของนักเตะพร้อมทั้งประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่กับลูกกลมๆ ที่หาไม่ได้จากชั้นเรียน มาปรับเปลี่ยนแก้ไขกับถ่ายทอดสู่นักเตะในหมู่ได้อย่างลงตัว

ซึ่งจากที่พอก่อนเหล่าชาติไทยที่สภาพเหมือน ผู้ป่วยอาการโคม่า ที่รอวันตายอย่างเดียว กลับคึกคักขึ้นมาอีกครั้งอย่างภาพที่เราได้เห็นกันไป




พ่างแต่ว่าภายใต้การกำกับพวกของอดีตศูนย์หน้าจอมตีกาคนนี้ นั่นทำให้คนไทยโหมโรงมีศรัทธากลับมาพร้อมกับความหวังถึงความสำเร็จในเกมระดับชาติอย่างการไปเล่นฟุตบอลโลกที่ชาวไทยหลายคนต้องการสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต

พร้อมกับสิ่งนี้มันก็มีโอกาสเหมือนกัน หากเรารักษาระดับการเล่นแบบนี้ เล่นให้มันส์ เล่นให้สนุก เล่นให้เต็มที่จนวินาทีสุดท้าย

ซึ่งถ้าเป็นไปได้อยากให้นักเตะชุดนี้เล่นกันไปเรื่อยๆ จักได้รู้ใจกันมากขึ้น เพราะมันคือสิ่งสำคัญของคำว่า คณะเวิร์ค

เพราะว่าที่สิ่งนี้นี่คือสาเหตุทั้งหมด ที่ว่าทำไม โค้ชซิโก้ ถึงเป็นหนึ่งในความภูมิใจฟุตบอลไทยพร้อมด้วยเป็นขวัญใจของแฟนบอลไทยทั้งประเทศไปเพราะว่าปริยาย




เพราะว่าที่สุดท้ายนี้ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ โค้ชซิโก้ กับบรรดานักเตะรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชในกรุ๊ปทุกคน ที่ช่วยกันพากรุ๊ปคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ หนนี้

ผมก็ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่ามากๆ พร้อมทั้งเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจักจดจำไปอีกนานแสนนาน



เรื่องเพราะ : มิดไนท์