แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลิเวอร์พูล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลิเวอร์พูล แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปัจจุบัน หงส์แดง เซ็นนายป้อมปราการดาวรุ่งเมืองเบียร์คลุกคลีทัพสวยงาม

ปัจจุบัน หงส์แดง เซ็นนายด่านดาวรุ่งเมืองเบียร์ร่วมทัพสวยงาม




หมู่หงส์แดง ลิเวอร์พูล ผลบอลสดที่สังสรรค์ดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตะปบตัว ลอริส คาริอุส ผู้แวดประตูดาวรุ่งจากหมู่ ไมนซ์ 05 ร่วมหมู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเซ็นข้อสัญญาร่วมงานกันเป็นครั้งถึง 5 ปี 

เกี่ยวกับลอริส คาริอุส นายประตูชาวเยอรมัน นั้นเริ่มเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการแล้ว หลังได้เซ็นสนธิสัญญาขยับจาก ไมนซ์05 เป็นสโมสรในบุนเดสลีกา เยอรมัน มาร่วมทัพ เป็นเวลาถึง 5 ปี พร้อมเปิดใจสุดปลาบปลื้มที่ได้มาอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งเชื่อว่าดำรงฐานะการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว 



โดยค่าตอบแทนการย้ายเหล่าครั้งนี้ของ นายทวารสุดหล่อวัย 22 ปี อยู่ที่ 4.7 ล้านปอนด์ หรือไม่ก็ ประมาณ 230.3 ล้านบาท โดย คาริอุส ซึ่งฤดูกาลล่าสุดเก็บ 9 คลีนชีต จากการลงเล่นเกมลีกให้ กรุ๊ปไมนซ์05 ถึง 34 นัด เขาจะได้สวมเสื้อหมายเลข 1 ในถิ่นแอนฟิลด์

เพราะว่าลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูคนใหม่ของ ทีมลิเวอร์พูล แห่งเวที ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกิดที่เมืองบีเบอราช อัน แดร์ ริสส์ อยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี พร้อมกับเคยเล่นให้เหล่าระดับเยาวชนหลายหมู่ ก่อนที่เขาจักย้ายถิ่นเข้าไปอะคาเดมี่ของ ทีมเฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ในปี 2005



ทิศ ลอริส คาริอุส พร้อมทั้งทำผลงานได้โดดเด่นในระดับเยาวชน จนถูกเรียกติดเหล่าชาติเยอรมนี อยู่ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี เกมที่เจอกับ กลุ่มมาซิโดเนีย ช่วงเดือนกันยายน ปี 2008 ซึ่งในช่วงนั้น พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ส่งแมวมองมาดูฟอร์มของเขาด้วย

ขอบคุณคลิปจาก Youtube: ลีโอเนล เม็ดขี้



ฝ่ายเรือใบสีฟ้า จนถึงขั้นอัญเชิญ คาริอุส และ ครอบครัวของเขามาที่ ประเทศอังกฤษ เพื่อมาดูเกมที่ เยอรมนี รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ดวลกับ พวกชาติมาซิโดเนีย ก่อนที่สุดท้าย ฝ่ายแมนฯ ซิตี้ จักเซ็นอนุสัญญากับเขาจนกระทั่งวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2009



ด้วยกันภายหลังนั้น ก็ใช้เวลาราว 2 ปีอยู่ในเกาะอังกฤษ เพราะว่าคาริอุส ก็ถูกส่งให้ ทีมไมนซ์ 05 กู้ตัวไปใช้งานจนถึงช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2011


ขอบคุณคลิปจาก youtube: ThaiCh8


เพราะตอนแรกเขาต้องลงเล่นกับทีมสำรองของสโมสรในเมืองเบียร์ ก่อนที่ ไมนซ์ จะซื้อขาด คาริอุส เพราะว่าจับเซ็นให้คำมั่น 2 ปี พร้อมมีอ็อปชั่นที่จะขยายเพิ่มอีก 1 ปี



พร้อมทั้งภายหลังสอดส่องรอมานาน ในที่สุด คาริอุส นั้นก็ได้ลงเล่นในเกมระดับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดที่ ฝ่ายไมนซ์ เจอกับ หมู่ฮันโนเวอร์ 96 เพราะว่าเป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรองภายหลังที่ คริสเตียน เว็ทโคล่ นั้นโดนไล่ออกจากสนามไป

ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คาริอุส ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนกลายเป็นมือ 1 ของกรุ๊ป ด้วยกันได้ต่ออนุสัญญากับคณะ 3 ปี ขณะวันที่ 12 มกราคม 2015



โดยในฤดูกาล 2015-16 คาริอุส ก็ทำผลงานได้ดีขึ้น อาจเก็บคลีนชีทได้ 9 นัด พร้อมทั้งก็ยังเซฟลูกจุดโทษได้ 2 ครั้ง จนเขาได้รับการโหวตให้เป็นนายทวารที่ดีที่สุดในลีกเป็นอันดับ 3 ร่วมบนเว็บไซต์ของ บุนเดสลีกา

ก่อนที่จักได้ยักย้ายถ่ายเทมาอยู่กับ พวกลิเวอร์พูล ในที่สุด โดยเจ้าตัวได้ประกาศออกมาว่า ตนยักมา ลิเวอร์พูลเพื่อเป็นตัวจริง ไม่ได้คิดที่จักมานั่งที่ม้านั่งสำรอง ต้องมาดูกันแล้วล่ะ ว่าเขาจะเก่งเบียดแย่งตัวแน่นอนจาก ซิมง-มิโญเลต์ ได้หรือไม่



มาดูสถิติคร่าวๆ ของ ลอริส คาริอุส (จากทุกรายการ)

  1. จำนวนเกมที่ลงเล่น - 96 นัด
  2. จำนวนประตูที่เสีย - 124 ประตู
  3. จำนวนเกมที่ไม่เสียประตู - 32 นัด



  1. จำนวนรวมเกมที่ลงเล่น - 34 นัด
  2. ส่วนแบ่งประตูที่เสีย - 42 ประตู
  3. ปริมาณเกมที่ไม่เสียประตู - 9 นัด
  4. ค่ากลางประตูที่เสียต่อ 1 เกม - 1.24 ประตู
  5. ค่าเฉลี่ยการเซฟต่อ 1 เกม - 2.53 ครั้ง
  6. ค่ากลางการเซฟต่อ 1 ประตูที่เสียไป - 2.1 ครั้ง
มูลเหตุของข้อมูล: ผลบอลไทย

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บาโลเตลลี่สมมติยังไม่ตายแบบนี้ปลอดออกเท่าไรก็คงไม่ไป อัดอีกทั้งไงก็ไม่ลง

ถ้าเป็นแบบนี้ไล่เท่าไรก็คงไม่ไป กดยังไงก็ไม่ลง




เพราะว่าที่ปกติแล้ว เวลานักเตะซักคนประกาศจุดยืน แสดงความจงรักภักดีต่อสโมสรฟุตบอล ด้วยการยืนกรานว่าไม่คิดจักยักย้ายไปไหน ขออยู่ประสบความสำเร็จกับฝ่ายแล้วล่ะก็ มันควรจักเป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดี ทั้งเพราะด้วยสโมสรกับแฟนบอล

แค่แต่ว่าส่วนใหญ่แฟนๆ มักจะช้ำใจกับการเห็นดาวเตะขวัญใจออกมาปิดประตูปฏิญาณใหม่ที่สโมสรยื่นให้บ้างล่ะ ออกมาเปรยไม่ก็ขู่ว่าจะยักบ้างล่ะ

เพราะที่บางทีก็อาจจักปวดใจไม่พ่ายกัน ถ้านักเตะที่ปรารถนาให้ขยับเต็มที ปรารถนาให้โละออกไปไวๆ ดันประกาศว่าให้ตายก็ไม่ขน

ด้วยกันมาริโอ บาโลเตลลี่ นั้นคือโปรแกรมพรีเมียร์ลีกนักเตะที่น่าจะทำให้เหล่าเดอะค็อปรู้สึกแบบหลังอยู่




ซึ่งการที่ตลาดนักเตะนักเตะหน้าหนาวกำลังจักปิดลงในวันจันทร์ที่จักถึง หมายความว่าแต่ละกรุ๊ปมีเวลาเหเลื่องลืออีกแค่ไม่กี่วันที่จะซื้อหรือไม่ก็ขายนักตะให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตาย ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปจนกว่าฤดูกาลจะสิ้นสุดลง

สิ่งนั้นหมายถึงการพลาดโอกาสปรับเปลี่ยนอะไรให้ทันกาลเพราะด้วยครึ่งที่เหโจษอยู่ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุดฤดูกาลนี้

พร้อมด้วยเพราะด้วย หมู่ลิเวอร์พูล แล้วเป้าหมายหลักในการเสริมทัพอยู่ที่การมองหาศูนย์หน้ามาแทนที่การอำลาไปของ หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมกับการเจ็บยาวของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

การที่คาริม เบนเซม่า กับ เอเซเกล ลาเวซซี่ ที่เป็นสองดาวเตะที่มีชื่อตกเป็นข่าวกับหงส์แดงเป็นพิเศษ หลังจากกองหน้าตัวใหม่ในช่วงซัมเมอร์อย่าง 1.ริคกี้ แลมเบิร์ต พร้อมทั้ง 2.บาโลเตลลี่ ทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ถูกคาดหวัง




ทางด้าน แลมเบิร์ต นั้นยังพอมีข้อแก้ตัวได้ว่าไม่ถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกใช้เหรอให้โอกาสมากพอ เพราะถูกจับนั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับ บาโลเตลลี่ ที่ถูกทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ ซื้อมาเสริมหมู่ฟุตบอลหลังเปิดฤดูกาลไปแล้ว เพราะหวังว่าจะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในแนวรุกให้กับฝ่าย

กับบาโลเตลลี่ กลายเป็นตัวเโจษกในแนวรุกอันดับแรกไปในทันที ภายหลัง สเตอร์ริดจ์ เจ็บไปตั้งแต่นัดที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นเกมเดียวที่ทั้งคู่ได้ลงเล่นร่วมกันจนถึงประเดี๋ยวนี้

แต่ว่าภายหลังที่ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง บาโลเตลลี่ ก็ยังเบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อของลิเวอร์พูลไม่ได้ จนสุดท้ายร็อดเจอร์สก็ไม่ดันทุรังอีกต่อไป ด้วยการปลด เกรียนโอ้ ออกไปเป็นสำรองในที่สุด

โดยที่วิเคราะห์บอลการหลุดพวกไปของเขาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ และมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง รวมถึงแผนการเล่นใหม่ที่ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มายืนป็นเบอร์ 9 หลอกแทนดูจะได้ผลดี จนทำให้ผลงานของหงส์แดงในช่วงหลังกระเตื้องขึ้นมา




สิ่งนั้นย่อมหมายความว่าโอกาสที่จะลงเล่นในตารางบอลของบาโลเตลลี่คงจะลดน้อยลงไปอีก เพราะว่าเฉพาะจนถึงสเตอร์ริดจ์พร้อมจะคัมแบ็กแล้ว

พร้อมด้วยทางบาโลเตลลี่ ได้ลงเล่นในไฮไลท์พรีเมียร์ลีกเกมล่าสุดด้วยการเป็นตัวสำรองในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ของลีกคัพรอบตัดเชือกนัดที่สอง กับ เชลซี ตราบใดวันอังคาร ซึ่งบทบาทของเขายังคงเป็นการไม่มีบทบาทใดๆในการช่วยกลุ่มเหมือนเคย

แถมก็ยังมีส่วนทำให้คณะเสียฟรีคิกจนนำไปสู่ประตูชัยของ ทีมเชลซี ในเกมนี้ด้วย จากการจ่ายบอลพลาดจนเพื่อนต้องไปตัดฟาวล์

เพราะว่าที่ฟอร์มของบาโลเตลลี่ในนัดนี้ยิ่งทำให้กระแสข่าวที่ว่าเขาจะถูกหงส์แดงโละทิ้งมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น แม้เจ้าตัวจักเคยออกมาชี้แจงว่าพร้อมจะสู้เพื่อตำแหน่งด้วยกันพิสูจน์ตัวเองถัดไปก็ตาม

ช่วงเวลาล่าสุด มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ของบาโลเตลลี่ ออกมาตอกย้ำถ้อยคำที่บาดหัวใจเหล่าเดอะค็อปหนักขึ้นไปอีก ทันทีที่แสดงว่าเขาได้ทำนูลเกรียนโอ้ไปแล้วว่าให้ลืมเรื่องเปลี่ยนที่เหล่าไปได้เลย เพราะมีคำสัญญาอยู่ตั้ง 4 ปี ให้นั่งรับค่าเหนื่อยก้อนโตสบายๆ




พร้อมทั้งในส่วนโปรแกรมบอลมุมของเอเยนต์แล้ว ปกติจักชอบยุให้นักเตะย้ายถิ่น เพราะว่าตัวเองจะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการซื้อขาย แต่ถ้าขายในช่วงที่มูลค่าตก ก็หมายความว่าส่วนแบ่งตรงนั้นจักลดน้อยลงไปด้วย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เอเยนต์ชื่อดังชาวอิตาเลียนรายนี้ จะยื่นคำขาดไปว่าจะไม่เจรจากับทีมไหนทั้งนั้นในช่วงนี้ ถ้าจักพูดเรื่องโยกย้ายก็ต้องรอให้บาโลเตลลี่ทำผลงานให้ดีก่อน จนค่าจ้างพุ่งไปซัก 45-50 ล้านปอนด์ ตอนนั้นค่อยมาว่ากัน

พร้อมกับถ้าเกรียนโอ้ทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะ? เอเยนต์ผู้ปรารถนาดีแนะนำนิ่มๆ ว่าก็อยู่ไปเรื่อยๆ ให้มันแห้งตายคาแอนฟิลด์นี่แหละ ให้มันรู้กันไปว่า ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ขน ถึงไล่ก็ไม่เลิก

หากได้ฟังแบบนี้แล้ว ฝ่ายลิเวอร์พูล คงต้องคิดหนักว่าควรจะให้ บาโลเตลลี่ ลงมาเล่นหรือเปล่า? เผื่อจับพลัดจับผลูเล่นดีขึ้นมา จะได้รีบหาคณะมารับเซ้งได้ง่ายขึ้น หรือจะเก็บไว้เป็นสีสันด้วยกันความบันเทิงให้กับแฟนๆ รองลงไปดี

Babybear

ที่มา: http://event.sanook.com/football

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ข่าวสารบอลชุดขาวเด่นขึ้นรับเงินรายได้สูงสุดในโลก,เฮนโด้ vs คอสต้า

หวิดมีมวย เฮนโด้ vs คอสต้า เกือบไฝว้กันหลังเกม



border=0



ล่าสุดแข้งโปรแกรมบอล ฝ่ายหงส์แดง - หมู่สิงห์บลู  ได้มีเรื่องกันหลังจบเกมแคปิตอล วัน คัพ ตราบใดวันอังคารที่สร้างผ่าน เพราะได้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน จนเกือบวางมวย ซึ่งเชื่อว่าเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ดีเอโก้ คอสต้า ที่เถียงกันมาตั้งแต่ในเกม

ภายหลังที่ เดอะ การ์เดี้ยน ที่เป็นสื่อดังแดนผู้ดีได้วิเคราะห์ผลบอลแฉ เกมจบอารมณ์ไม่จบ ครั้นนักเตะ ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล พร้อมด้วย กรุ๊ปสิงห์บลูส์ เชลซี    ซึ่งเป็น 2 พวกยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่ามีเรื่องทะเลาะกันหลังจบเกม ศึกแคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ณ สนามแอนฟิลด์ ที่เสมอกันไปผลบอล 1 - 1 จนถึงคืนวันอังคารที่พ้นมา

ทั้งนี้ ได้คาดกันว่านักเตะคู่กรณีน่าจักเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเป็นรองกัปตันเหล่าเจ้าบ้าน กับ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกเฟุ้งเฟื่องดร้อนของคณะเยือน เพราะว่าทั้งคู่มีปากเสียงกันตั้งแต่จังหวะในเกมแล้ว ซึ่งจนกระทั่งทั้งคู่เดินเข้าอุโมงค์สู่ห้องแต่งตัว ก็ยังไม่ลดราวาศอก จนถึงขั้นผลักอกเตรียมวางมวยกัน แต่ยังดีที่ถูกแยกออกจากกันก่อนจะมีการ ให้เสรีภาพหมัด เพราะบรรดาสตาฟฟ์โค้ชกับเพื่อนร่วมเหล่าของทั้งคู่

เพราะว่าตารางบอลที่ชนวนขัดแย้งริเริ่มมาจากที่ เชส ฟาเบรกาส กองกลางตัวเก่งของ เชลซี พยายามขวางการเล่นฟรีคิกเร็วของ เฮนเดอร์สัน ก่อนที่ คอสต้า กับมิดฟิลด์หงส์แดง จะมีการโต้คารมด้วยกันผลักอกกันเล็กน้อยนั่นเอง


ในรอบ 10 ปีติด! ชุดขาวผงาดขึ้นรับรายได้สูงสุดในโลกตามคาด





หมู่ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในลาลีกา ซิวตำแหน่งสโมสรฟุตบอลที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2015

ซึ่งทันทีที่ทำรายได้เข้าสโมสรได้ถึง 549.5 ล้านยูโร ซึ่งสูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน ส่วนอันดับสอง ตามมาห่างๆ คือ กรุ๊ปผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเงินพุ่งจากปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็น 518 ล้านยูโร

เพราะทาง เดลอยท์ ฟุตบอล มันนี่ ลีก เหรอ Deloitte Football Money League ได้แย้มการจัดอันดับสโมสรที่ทำรายได้สูงที่สุดประจำปี 2015 ปรากฎว่า แชมป์ทำเงินมากสุดก็คือ เหล่าราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน ปางทำรายได้เป็นจำนวนเงินถึง 549.5 ล้านยูโร ใช่ไหม 20,755 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน




ซึงลำดับต่อมาเป็น หมู่ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฝ่ายดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับสองปีนี้ จากเดิมปีที่แล้ว 2014 อยู่ที่สี่เท่านั้น จากตัวเลขก่อนหน้า 423.8 ล้านยูโร หรือไม่ก็ 16,000 ล้านบาท ทะยานเป็น 518 ล้านยูโร เหรอ 19,565 ล้านบาท

ในอันดับ 3 ตกเป็นของ กลุ่มเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมแห่งบุนเดสลีก้า เยอรมัน มีรายได้อยู่ที่ 487.5 ล้านยูโร ใช่ไหม 18,400 ล้านบาท

อันดับที่ 4 กรุ๊ปบาร์เซโลน่า ร่วงจากที่สองปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 4 กวาดไป 484.6 ล้านยูโร ไม่ใช่หรือ 18,300 ล้านบาท

ในอันดับ 5 นั้นยังคงที่ เป็น กรุ๊ปปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีรายได้ 474.2 ล้านยูโร เหรอ 17,900 ล้านบาท

เพราะอันดับที่ 6 - 20 ประกอบไปด้วยพวกดังมากมาย ดังนี้

  6. พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 346.5 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 18,018 ล้านบาท
  7. ฝ่ายเชลซี พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 324.4 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 16,868.8 ล้านบาท
  8. ทีมอาร์เซน่อล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 300.5 ล้านปอนด์ เหรอ 15,626 ล้านบาท
  9. กรุ๊ปลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 255.8 ล้านปอนด์ เหรอ 13,301.6 ล้านบาท
10. กรุ๊ปยูเวนตุส ลีกอิตาลี - 233.6 ล้านปอนด์ หรือไม่ก็ 12,147.2 ล้านบาท
11. คณะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลีกเยอรมัน - 218.7 ไม่ใช่หรือ 11,372.4 ล้านบาท
12. พวกเอซี มิลาน ลีกอิตาลี - 208.8 หรือว่า 10,857.6 ล้านบาท
13. พวกท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 180.5 ใช่ไหม 9,386 ล้านบาท
14. กลุ่มชาลเก้ 04 ลีกเยอรมัน - 178.9 หรือ 9,302.8 ล้านบาท
15. เหล่าแอตเลติโก มาดริด ลีกสเปน - 142.1 หรือไม่ 7,389.2 ล้านบาท
16. หมู่นาโปลี ลีกอิตาลี - 137.8 ไม่ใช่หรือ 7,165.6 ล้านบาท
17. ทีมอินเตอร์ มิลาน ลีกอิตาลี - 137.1 หรือไม่ 7,129.2 ล้านบาท
18. ทีมกาลาตาซาราย ลีกตุรกี - 135.4 ไม่ก็ 7,040.8 ล้านบาท
19. พวกนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 129.7 หรือไม่ก็ 6,744.4 ล้านบาท
20. เหล่าเอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 120.5 เหรอ 6,266 ล้านบาท





วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข้อมูลพรีเมียร์ลีกกลุ่มหงส์แดง ลิเวอร์พูลข้างหลังเสร็จสิ้นการต่อสู้พรีเมียร์ลีกที่ลอดมา

พวกพาเลซพลิกแซงหักปีกหงส์แดง3-1




ซึ่งหลังจากที่http://xn--42c8b0ajg0apvrr6k8f.net/พวกหงส์แดง ยังโชว์ฟอร์มแย่ๆ ต่อเนื่อง ภายหลังที่อุตส่าห์ได้ แลมเบิร์ต ที่ยิงให้คณะนำก่อนในสองนาทีแรก แต่สุดท้าย เหล่าพาเลซ นั้นรัวทีเดียวสามลูกรวดพลิกกลับมาคว้าชัยไป 3-1 ทำให้อันดับไปรั้งที่ 12 ของลีกเรียบร้อย

เพราะที่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซเฮิร์ส พาร์ค  หมู่คริสตัล พาเลซ ต้อนรับการมาเยือนของ กลุ่มหงส์แดง ลิเวอร์พูล

ซึ่งในนาทีที่ 2 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องถึงกับช็อก หลังจาก กลุ่มคริสตัล พาเลซ นั้นต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดข้ามแนวรับให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต หนีการประกบ ก่อนจักพักบอลแล้วซัดเรียดทะลวงมือ จูเลี่ยน สเปโรนี่ เข้าไป คณะลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 17 พอฝ่ายพาเลซ ก็ได้เฮบ้างตราบมาตามตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 ขณะ ยานนิค โบลาสซี่ ลากหนีแนวรับ คณะหงส์แดง ก่อนจะปลงใจซัดเต็มข้อด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลเรียดหนีมือ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งชนเสากระดอนออกมา แต่ลูกยังเข้าทาง ดไวท์ เกล วิ่งมาซ้ำจ่อเข้าไปได้สำเร็จ

ในนาทีที่ 34 ฝ่ายหงส์แดง นั้นเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง คราวนี้ โจ อัลเลน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสขึ้นโขกคนเดียวจ่อๆ แต่โชคไม่ดีบอลดันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 36 ฝ่ายพาเลซ นั้นต้องถอดเอา ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาคุมเกมรับของคณะแทน

พร้อมทั้งในช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีประเติมเพิ่ม หมดเวลาทั้งสองคณะเสมอกันไปก่อน 1-1

ซึ่งนาทีที่ 48 ทางด้านเหล่าลิเวอร์พูล นั้นก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่ซัดแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปเสียก่อน

ในนาทีที่ 53 ตัวของมาร์ติน สเคอร์เทล มาโดนใบเหลือเลื่องงเป็นคนแรกของเกม โทษฐานเจ้าตัวเข้าไปดึงแขนของ มารูยาน ชามัคห์ เพื่อเป็นการขัดขวาง

นาทีที่ 61 ฆาบี มานกิโย่ ต้องมารับใบเหเลื่องง หลังเจตนาไปดึง ชามัคห์ ที่หน้าเขตโทษ

พร้อมทั้งในนาทีที่ 71 กลุ่มหงส์แดง นั้นได้ตกลงใจถอด อดัม ลัลลาน่า ออก แล้วส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงสนามเพื่อลุ้นทำประตูให้กรุ๊ปเพิ่ม

ต่อมาในนาทีที่ 74 กรุ๊ปลิเวอร์พูล นั้นต้องถอด โจ อัลเลน ที่มีปัญหาเลือกระฉ่อนกออกบนศีรษะที่แตกมาจากครึ่งแรก เพราะเปลี่ยนเอา เอ็มเร่ ชาน ลงสนามมาช่วยเกมแดนกลางแทน ขณะที่ เหล่าพาเลซ ก็ส่งให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงสนามเป็นคนที่สอง เพราะว่าเปลี่ยนเอา เจสัน พันเชี่ยน ออกไป

กับครั้งถึงนาทีที่ 78 แฟนบอลเหล่าคริสตัล พาเลซ ก็ได้เฮกันทั้งสนามคราวเหล่ามาทำประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เดยัน ลอฟเรน ที่ตามประกบ ยานนิค โบลาสซี่ จากริมเส้นไปล้มแล้วบอลตกเข้าหัวพอดีให้ดาวเตะ พวกพาเลซ เลี้ยงหนีไปได่ ก่อนเจ้าตัวจะตบเข้ากลางให้ โจ เลดลี่ย์ วิ่งมาซัดตรงกลางลอดตัว ซิมง มินโญเลต์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 81 สถานการณ์ยังเป็นใจให้เจ้าถิ่นต่อเนื่อง คราวนี้ฝ่ายมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ไมล์ เยดินัค วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวข้ามกำแพง ก่อนจะอ้อมหนีมือ มินโญเลต์ เข้าไปอย่างสวยงาม ฝ่ายคริสตัล พาเลซ ได้นำเพิ่มอีกเป็น 3-1

นาทีที่ 86 กรุ๊ปพาเลซ ตัดสินใจถอด ยานนิค โบลาสซี่ ที่เกมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ ในสนาม ก่อนจะให้ แบร์รี่ แบนแนน ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองคณะเกือบมีลุ้นได้ประตูกันหลายครั้งแต่ก็พลาดไป สุดท้ายหมดเวลา ฝ่ายคริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านเอาชนะ เหล่าลิเวอร์พูล ไปได้สำเร็จผลบอล 3-1

นั่นทำให้ พวกพาเลซ ได้เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง ส่วน พวกหงส์แดง จากความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้พวกตกมาอยู่อันดับ 12 เพราะมีอยู่แค่ 14 คะแนน เท่านั้น

มาดูระเบียนผู้เล่น คริสตัล พาเลซ 4-4-1-1 :

  1. จูเลี่ยน สเปโรนี่ 
  2. มาร์ติน เคลลี่
  3. สก็ตต์ แดนน์
  4. ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เปลี่ยนตัว เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาในนาทีที่ 36
  5. โจเอล วอร์ด 
  6. เจสัน พันเชี่ยน เปลี่ยนตัว เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงมาในนาทีที่ 76
  7. ไมล์ เยดินัค
  8. โจ เลดลี่ย์
  9. ยานนิค โบลาสซี่ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ แบนแนน ลงมาในนาทีที่ 86
  10. มารูยาน ชามัคห์ 
  11. ดไวท์ เกล


ผู้เล่นสำรอง

  1. เวย์น เฮเนสซี่ 
  2. วิลฟรีด ซาฮา 
  3. เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 
  4. แอนดรูวส์ จอห์นสัน


มาดูรายการผู้เล่น คณะลิเวอร์พูล 4-2-3-1 :

  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาบี มานกิโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน 
  6. โจ อัลเลน เปลี่ยน เอ็มเร่ ชาน ลงมาในนาทีที่ 74
  7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 
  8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
  9. ฟิลิปป์ คูตินโญ่
  10. อดัม ลัลลาน่า เปลี่ยน ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาในนาทีที่ 71 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต


ผู้เล่นสำรอง

  1. แบร๊ด โจนส์ 
  2. โคโล่ ตูเร่ 
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 
  4. ลูคัส เลว่า 
  5. ลาซาร์ มาร์โควิช


กรรมการผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์

ติดตามชมดูคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก


เดอะคล็อปป์ได้โผล่ชื่อนั่งแท่นกุนซือหงส์แทนบีร็อด




ซึ่งบีร็อด นั้นคงจะได้เก้าอี้ร้อน ภายหลังที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรากฏชื่อเตรียมนั่งแท่นบัลลังก์กุนซือใหม่ คณะหงส์แดง หลังผลงานโคตรแย่ เก็บชัยได้แค่ 2 นัดจาก 12 เกม

กับก็ดูเหมือนขาเก้าอี้กุนซือของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการกรุ๊ป ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะตั้งต้นสั่นคลอนเสียแล้ว เท่าที่ล่าสุดมีรายงานว่า หมู่หงส์แดง ได้วางตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ กลุ่มโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กรุ๊ปดังแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน ภายหลังที่ บีร็อด นั้นเพิ่งพากรุ๊ปบุกไปจำนน คณะคริสตัล พาเลซ ที่ ถิ่นเซลเฮิร์ทส์ พาร์ค 1-3 ตราบวันอาทิตย์ที่ตัดผ่านมา วันที่ 23 พฤศจิกายนที่สร้างผ่านมา

ซึ่งโปรแกรมบอลกรุ๊ปหงส์แดง นั้นได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2014 - 2015 ได้อย่างย่ำแย่ เก็บชัยชนะได้แค่ 2 นัดเท่านั้นจากเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถม 3 นัดล่าสุดแพ้รวดทั้งหมด รั้งอยู่ที่ 12 ของตาราง แข่ง 12 นัด มี 14 แต้ม

นั่นจึงทำให้แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อป พร้อมทั้งเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะล่าสุดมีรายงานเกิดขึ้นว่าทางบอร์ดบริหารของ คณะลิเวอร์พูล ได้วางแผนทาบทาม คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ร็อดเจอร์ส หลังเจ้าตัวนั้นเคยออกมายอมรับว่าสนใจที่จะเข้ามาทำงานใน อังกฤษ

พร้อมด้วยที่ก่อนหน้านี้ กุนซือใหญ่ทัพ ฝ่ายเสือเหฟุ้งเฟื่องง ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำงานในแดนผู้ดีเอาไว้ว่า ผมคิดว่า อังกฤษ เป็นที่เดียวเท่านั้นที่ผมควรไปทำงาน ถัดจาก เยอรมัน ผมคิดว่า อังกฤษ นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นประเทศเดียวที่ผมรู้จักภาษา ซึ่งการทำงานของผมมันจำเป็นต้องใช้ภาษาอย่างมาก พร้อมกับถ้าเกิดมีใครติดต่อผมมา มันก็น่าที่จะลองคุยดูนะ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวสารฟุตบอลการต่อสู้พรีเมียร์ลีกกับโปรแกรมบอลพรุ่งนี้

จับปลาหลายมือ?





ทางด้านฟุตบอลในโซนยุโรป หลักๆ ก็มี 3 รายการเพราะว่ากรุ๊ปใหญ่ ก็คือ

  1. ศึกบอลลีก
  2. ศึกบอลถ้วย
  3. ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


แต่ก็มีบางประเทศอย่าง 1.ฝรั่งเศส พร้อมทั้ง 2.อังกฤษ ที่มี 4 รายการ เปิดมู่ลี่ซีซั่นมาได้ 3 เดือนแรก 4 บิ๊กโฟร์ อย่าง


  • ฝ่ายอาร์เซน่อล
  • ทีมเชลซี
  • หมู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • หมู่ลิเวอร์พูล 


ซึ่งก็ไม่ค่อยจะทำผลงานดีสักเท่าไหร่นักในทุกๆ รายการ เว้นก็แต่ ฝ่ายเชลซี ไว้หนึ่งเหล่า

พร้อมทั้งโดยเฉพาะในเวทียุโรป ที่ทั้ง พวกเรือใบ พร้อมด้วย หมู่หงส์แดง แชมป์พร้อมกับรองแชมป์ลีกตราบฤดูกาลที่ทะลุทะลวงมา ต่างทำให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้ง 2 หมู่นั้นกำลังปวดกระเพาะอาหารอยู่ ทั้งนี้เพราะสถานการณ์รอบแบ่งกลุ่มไม่สู้ดีนัก




โหมโรงกันที่กรุ๊ปลิเวอร์พูลหลังจากได้เปลี่ยนเข้ามาเล่นชปล ในปีนี้ ก็พลอยทำให้ผลงานทั้งในลีกพร้อมทั้งบอลถ้วยตกลงไปพอๆ กัน

และด้วยเหตุว่าในปีนี้ ทางศึกพรีเมียร์ลีก ได้แบ่งมาให้ฟรีทีวีดูด้วย ก็เลยมีบางสัปดาห์ผมได้ดูฟอร์มพวกจากอังกฤษ ซึ่งก็เจรจาเลยว่า ป้อแป้ สุดฤทธิ์ ถามว่าพวกเขามีศักยภาพที่จักชนะทุกๆ หมู่ในกลุ่มตัวเองหรือไม่ก็ไม่ แน่นอนว่า 100 เปอร์เซนต์คือมีแน่ๆ ด้วยโอกาสที่จักชนะ

แต่ว่าคำถามตรงหน้าคือ พวกเขาพร้อมไม่ก็ไม่ กับการเก็บ 3 คะแนนใน 6 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พูดได้เลยว่าไม่พร้อมอย่างแรง

และอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดเหมือนกัน ซึ่งผมได้นั่งคิดนอนคิดเกี่ยวกับผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของหมู่จากอังกฤษ ซึ่งปัญหามันน่าจะเริ่มมาจากจุดๆ เดียวกัน

ซึ่งนั่นก็คือโปรแกรมบอลเตะที่เกริ่นไปในข้างต้น ซึ่งผมมองว่านี่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้ทีมจากอังกฤษ ไปได้ไม่ถึงฝัน ด้วยการที่พวกเขามีรายการให้เล่นมากกว่าประเทศอื่นหนึ่งรายการ บวกกับยุคช่วงเวลานี้ที่ไม่มีการทิ้งถ้วยไหนๆ เหมือนเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เคยพลีชีพด้วยการส่งเยาวชนลงทั้งเหล่าเพื่อทิ้งบอลถ้วยจนชาวบ้านชาวช่องด่ามาแล้ว ถึงขั้นบ้าจี้ทำตามอยู่หลายปี ด้วยการเอาจริงๆในบอลถ้วยตามกระแสของ เหล่าแมนฯ ซิตี้ ด้วยกัน กลุ่มเชลซี ที่มีขนาดพวกใหญ่ เป็นได้เปลี่ยนผู้เล่นทั้งชุดก็ยังดูเป็นชุดใหญ่ได้มาแล้ว

ก็เหนื่อยสิครับงานนี้ พร้อมกับสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นไม่ได้ดีทั้งหมด ไม่ว่าจักเป็นรายการไหนๆ จนทำให้ฝ่ายเกือบพัง แฟนบอลในไทยเกือบปิดเฟซบุ๊คกันแทบไม่ทัน

สังเกตไหมครับว่าศึก แคปิตอล วัน คัพ Big4 แดนผู้ดีเล่นเอาแน่นอนเหมือนกัน แม้จะมีหมุนเอาสำรองลงบางตำแหน่ง พร้อมด้วยมีถึง 2 กรุ๊ปที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ซึ่งผมนั้นก็ขอยกตัวอย่างสโมสร หมู่ลิเวอร์พูล ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประกาศซื้อตัวเพื่อเอาไว้สับเปลี่ยนผู้เล่น ยามลงแข่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เจ้ากรรมดันโชคไม่ค่อยดี จับสลากมาอยู่กับ ฝ่ายเรอัล มาดริด แชมป์เก่า แถมมีกรุ๊ปสุดอันตรายพร้อมกับประมาทไม่ได้อย่าง บาเซิ่ล อยู่ด้วย ทำให้งานมันดูยากขึ้นเหมือนกัน

เพราะที่หลายๆ ฝ่ายอาจจักมองว่าพวกเขา โชคไม่ดีที่ต้องไปอยู่กับกลุ่มที่เหนือกว่าทั้ง หมู่เรอัล มาดริด แชมป์ปีที่แล้ว พร้อมทั้งแชมป์ 10 เวลา แต่ถ้าเจาะรายละเอียดลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ได้พ่ายแล้วเล่นดีนี่สิ

พร้อมด้วยผลบอล 0 - 3 ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ทำให้ใครๆ ก็ต่างโจมตีว่ามาตรฐานระหว่าง คณะเรอัล มาดริด พร้อมกับ หมู่ลิเวอร์พูล มันต่างกันมาก

ซึ่งมันก็ครันอยู่ที่ว่า กรุ๊ปราชันชุดขาว มีแนวรุกระดับโหดถึงขั้นทำเด็กร้องไห้ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็น หมู่หงส์แดง จนถึงฤดูกาลที่ลอดมา ช่วงที่พวกเขาชนะติดต่อกัน 11 นัด เอาฟอร์มแบบนั้นมาเตะเกมดังกล่าว ฝ่ายเรอัล มาดริด อาจจ๋อยกลับบ้านก็ได้



สู้ได้ดีกว่านัดแรก แม้จะจำนนชุดขาวไป 0 - 1

ซึ่งมันก็ไม่เชี่ยวชาญเป็นแบบนั้นได้ รวมถึงผลงานรายการอื่นของ เหล่าลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ดีเสียด้วยสิ มันเลยทำให้พ่ายพังพาบอย่างที่เห็นผลบอล 0-3 ทั้งๆ ที่มองกันว่า 11 ผู้เล่นตัวสุทธิเกมดังกล่าว ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของเหล่าเลยก็ว่าได้ จักขาดก็แต่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น

กับบางคนบ่งยังดีที่มันยังไม่ใช่เกมชี้เป็นชี้ตาย ถึง คณะหงส์แดง พ่ายเกมนี้ ก็ยังมีอีก 3 นัดให้แก้ตัว แต่เจ้ากรรมจุดเปลี่ยนมันมาตั้งแต่นัดที่บุกไปพ่าย ฝ่ายบาเซิ่ล 0 - 1 แล้วล่ะ เพราะแน่นอนว่าตามหน้าเสื่อ พวกเขาต้องลุ้นกับยอดเหล่าจากสวิส เพื่อแย่งตั๋วรอบน็อคเอาต์อีกใบ

แต่ว่าสถานการณ์ คราวนี้มันยิ่งลำบางขึ้นอีกขั้น โชคดีที่ กลุ่มบาเซิ่ล ดันจำนน ลูโดโกเร็ตส์ ในเกมที่ 3 ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากันที่ 3 คะแนน ยังได้ลุ้นยาวๆ ใน 3 เกมสุดท้าย แต่การที่จะต้องไปเยือน ถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว เกม 4 คิดในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าพวกเขาจักไม่ได้แต้มกลับไป พร้อมทั้ง กลุ่มบาเซิ่ล จักชนะ พวกลูโดโกเร็ตส์ ได้ไม่ยาก

ซึ่งนั่นมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ที่พวกเขาแพ้ หมู่เรอัล มาดริด 0-1 พร้อมกับ หมู่บาเซิ่ล อัดไป 4-0 นำพวกเขา 3 แต้ม เหลือเลื่องอีก 2 นัด


พร้อมทั้งในอาทิตย์นี้ พวกเขานั้นต้องไปเจอกับ ทีม เชลซี อีก นั้นทำให้ ตัวบีร็อด ต้องพักตัวหลักมันซะเลย


พร้อมทั้งนี่ก็กลายเป็นว่า ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นถ้วยเล็กๆไปแล้วสินะ แล้วหันไปเอาแท้ในลีกกับ แคปิตอล วัน คัพ ใช่ป่ะครับ??

อย่าทำเป็นเล่นนะครับ ในฝ่ายสำรองที่มี

  1. โคโล่ ตูเร่
  2. ลูคัส
  3. โจ อัลเลน
  4. เอ็มเร่ ชาน
  5. อดัม ลัลลาน่า
  6. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  7. ฟาบิโอ บอรินี่ 


แต่ว่ากลับจำนน กรุ๊ปชุดขาว พาง 0 - 1 !!!!

ซึ่งวิเคราะห์บอลเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลยครับ ตัวผมมั่นใจว่า เพราะว่ารูปเกมเอื้อนได้เลยว่า สู้ไม่ได้ ชัดเจน แต่มองในแง่ดีคือการได้กองหลังที่ยังดูไว้ใจได้อย่าง ตูเร่ ผู้พี่ คอยแก้ขัดเวลาเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ หมายถึงเอาลงเล่นบอลถ้วย อีกคนที่ต้องซูฮกด้วยกันศักยหักหน้านักวิจารณ์หลายๆ คนได้ คือฟอร์มของ ซิมง มิโญเล่ต์ ด้วยการที่เพื่อนร่วมทัพหน้าเขา 10 คนปั้นให้ขนาดนี้ จากนั้นความมั่นใจคงมาเต็มเปี่ยม




เกมในนัดนี้พี่เจิดเป็นได้แค่ผู้ชมข้างสนามเท่านั้น


พร้อมกับนอกจากนี้ ตัวของบีร็อด ยังสติแตกถึงขั้นดรอป เจอร์ราร์ด ไว้ข้างสนาม ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประกาศอำลาทีมชาติเพื่อจะมาเล่น ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้สถิติเฉลี่ยออกมาจักดูเหมือนว่าเหล่าไม่มี กัปตันเจิด จะดูผลงานดีกว่าตอนมีอยู่ก็เถอะ มันก็เป็นตรรกะบางอย่างเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามสิสำคัญ มี เจิด ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกมั๊ย แฟนหงส์

แล้วคำถามหลังจากนี้คือ

  • ประการแรก พวกลิเวอร์พูล เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป. 
  • ประการที่สอง ซึ่งการที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ คนเดียว ทำให้คณะเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้เลยหรือไม่ก็. 
  • ประการที่สาม การที่เอานักเตะตัวหลักที่ฟอร์มไม่ดีไปพัก จะได้ผลในเกมกับ หมู่เชลซี หรือไม่ก็ไม่. 
  • ประการที่สี่ ในเกมนัดชี้ชะตากับ คณะบาเซิ่ล ในนัดสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร. 
  • ประการที่ห้า ฝ่ายลิเวอร์พูล นั้นจักเข้ารอบ 16 กลุ่มสุดท้ายเหรอไม่. 
  • ประการที่หก แล้วแชมป์ลีกล่ะ. 
  • ประการที่เจ็ด ฝ่ายนั้นจะยังทำได้เบียดขึ้นไปลุ้นได้อยู่หรือว่าเปล่า.
  • ประการที่สุดท้าย และใครที่จักเข้ามาอุดรอยที่ ซัวเรซ ได้. 


ซึ่งคำถามตามมามากมากๆ

ในทุกสิ่งทุกอย่างจักได้คำตอบในไฮไลท์ฟุตบอลเร็ววันนี้ครับ แม้พวกเขายังจับปลาหลายๆ มืออยู่ เน้นทุกถ้วย ไม่ว่าจะ

  • ศึกเกมลีก
  • ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
  • ศึกแคปิตอล วัน คัพ 
  • ศึกเอฟเอ คัพ 

ซึ่งกำลังจะเตะปีหน้า นั่นจักทำให้พวกเขาพังแน่นอน ก็เพราะว่าหลายๆ พวกก็พังมาแล้ว จักมาหวังให้เป็นเหมือน กลุ่มปีศาจแดง ในปี 99 มันก็คนละยุคเวลากัน ฟุตบอลยุคนี้ทำแบบนั้นได้ยากแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเเลื่องกที่จะทิ้งอะไรสักอย่างไป อาจจะทำให้บางอย่างที่เขาถืออยู่ ได้ของที่ล้ำค่ามาก็เป็นได้

เพราะจักต้องมาพบเกมกับ ฝ่ายเชลซี วันเสาร์นี้ น่าจักทำให้เห็นอะไรได้หลายอย่างแล้ว เหตุด้วยแนวทางถัดจากนั้นของ ร็อดเจอร์ส

พร้อมด้วยท้ายนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ครับ พี่แกเป็นนักเตะจำพวกต้องโอ๋ อย่าไปจวกไปสับเขา แล้วเดี๋ยวจักเล่นดีเอง

พร้อมกับเหตุผลของการดรอป เจอร์ราร์ด มองในแง่ดี อาจจะทำให้เจ้าตัวแผลงฤทธิ์ในเกมวันเสาร์ กู้หน้าจากที่เคยลื่นทำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลุดมือปางปีที่แล้วก็เป็นได้

ซึ่งสมมติว่าจักมาปิดโอกาสการประสบความสำเร็จของ เหล่าลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ต้องสนทนาเลยว่าอย่าเพิ่งนะครับ เพราะว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคณะที่อันตราย แม้ช่วงนี้จักขาลง แต่ลงก็ต้องมีขึ้น อยู่ที่ว่าเขาจักเร่ำลือก วางธุระและจับอะไร แต่ถ้าจับไว้หมดล่ะก็

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พรีเมียร์ลีก: ย่อหน้าติชมระหว่างฝ่าย แมนยู vs ลิเวอร์พูล

วิเคราะห์ผลบอล : คงจักมีแค่แฟนบอล 2 พวกนี้แหล่ะมั้ง



ด้วยว่าคณะชั้นนำของยุโรปของศึก 5 ลีกใหญ่ หลาย ๆ ลีกถูกมองว่ามีพาง 2 กรุ๊ปเท่านั้นที่มีโอกาสคว้าแชมป์ เปรียบเทียบได้ว่าเป็น “ม้าสองตัว” ที่วิ่งฮ่อควบแข่งกันเข้าสู่เส้นชัยในตอนท้ายฤดูกาล

พร้อมด้วยถ้าพูดกันชัดๆ ก็เห็นจักเป็น ลา ลีกา สเปน ที่มีแต่เพียง ทีมบาร์เซโลน่า และ ทีมเรอัล มาดริด แต่บางลีกมีหลายพวกสู้กันเพื่อแย่งแชมป์ แต่ก็มีแฟนบางกลุ่มที่เห็นว่ามันแข่งกันแค่ 2 กรุ๊ป

แต่พูดถึงลีกที่เล่นกันแค่สองเหล่าที่ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นศึก ลา ลีกา ของสเปน ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามีเหมือนแค่สองขั้วอำนาจมานานหลายปี ระหว่าง ทีมบาร์เซโลน่า แห่งแคว้นกาตาลัน พร้อมด้วย เหล่าเรอัล มาดริด แห่งนครหลวงมาดริด ที่ต่อสู้กันมาหลายต่อหลายฤดูกาล

ซึ่งอาจจะมีสอดแทรกขึ้นมาบ้างอย่าง ฝ่ายแอตเลติโก มาดริด ไม่ใช่หรือ ฝ่ายบาเลนเซีย แต่ก็ปิดประตูไม่ได้ว่าการขับเคี่ยวกันของสองยักษ์ใหญ่นี้ สร้างความสั่นสะเทือนได้ทั้งประเทศพร้อมทั้งยุโรปมาโดยตลอด



แม้ว่า 2 เหล่านี้เกลียดกันยันเงา แต่ต่างก็เคารพในฝีมือฝั่งตรงข้าม


กับก็ไม่ใช่แค่ ลา ลีกา แต่ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน แม้ว่าจักมียักษ์ใหญ่พางแค่รายเดียวครองความยิ่งใหญ่นั่นคือ ฝ่ายบาเยิร์น มิวนิค มาหลายปี

แต่ว่าในช่วง 4 - 5 ปีหลังมานี้ เหล่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลับมาทวงคืนความสำเร็จที่เคยทำได้ ด้วยการเบียด “เหล่าเสือใต้” ขึ้นคว้าแชมป์ 2 ซีซั่นติดต่อกันในฤดูกาล 2010-11 พร้อมกับ 2011-12

พร้อมด้วยถึงแม้ว่าจักฟอร์มดร็อปไปในปีที่แล้วพร้อมด้วยปีนี้ แต่ก็ยังส่งอิทธิพลต่อการลุ้นแชมป์ ของ บาเยิร์น โดยมีคณะอย่าง เลเวอร์คูเซ่น เหรอ ชาลเก้ 04 ขึ้นมาท้าทายบ้างในบางฤดูกาล



ซึ่งที่ต่อมาเพิ่งจะมาแรงเอาเท่าที่ซีซั่นที่แล้ว นั่นคือ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แม้ยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งกลับมาผงาดอีกครั้งอย่าง ยูเวนตุส จักต่อกรยากเหลือเกิน

ไม่ว่าจักเป็นทั้งเรื่องความแข็งแกร่งของฝ่าย ไม่ก็ผู้ตัดสินยามเล่นในบ้านก็ว่ากันไป แต่มีเหล่า อาแอส โรม่า ที่นำเพราะ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ที่อาจหาญขึ้นมาต่อกรไม่อย่างไม่ย่อท้อ แม้จักยังทำได้แค่เป็นรอง แต่ก็ทำให้การไล่ล่าแชมป์ของ “คณะไอ้ม้าลาย” ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

ซึ่งแต่ในลีกยอดนิยมอย่าง ศึกพรีเมียร์ลีก กรุ๊ปจักแข่งกันเป็นแชมป์ไม่ได้มีแค่ 2 เหล่าเหมือนชาวบ้านเขา แต่ก่อนอาจเรียกว่า บิ๊กโฟร์ ที่ประกอบด้วย

  1. หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. ฝ่ายอาร์เซน่อล
  3. เหล่าเชลซี 
  4. ฝ่ายลิเวอร์พูล 

ด้วยกันในช่วง 5 ปีหลัง มี พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาด้วย

อาจจะเรียกว่าแฟนบอลทุกทีม ต่างสนุกสนานกับการลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาล ของแดนผู้ดีกันอย่างสนุกสนาน ในความหลากหลายและไม่ตายตัวของการแข่งขันยอดนิยมที่มีฐานแฟนบอลแน่นที่สุดในทุกมุมโลกลีกนี้




ภาพตัวอย่างภายหลังแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เหรอจบสัปดาห์มีอันดับสูงกว่าคู่แข่ง


แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแฟนบอลบางกลุ่ม บางจำพวก ที่คิดว่า ศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก นั้นเล่นกันเพียงแค่ 2 เหล่าแค่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย พวกลิเวอร์พูล ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าตราบใดอาทิตย์ก่อนนู้นครับ บี้กันอยู่กลางตาราง เหล่าไหนแข่งก่อนในอาทิตย์นั้นแล้วพ่ายแพ้เนี่ย เรียกว่าไม่ได้เงยหน้ามาหายใจจนกว่าอีกฝ่ายจะได้แข่ง

ซึ่งยิ่งถ้าอีกฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยนะคุณเอ้ย แทบจักขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ออกมาเจอหน้าผู้คน เพราะอะไร กลัวโดนล้อจ้า ถามว่าไปช่วยเขาลงเตะ ไม่ก็เป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรเหรอเปล่า ก็ไม่ใช่ซะหน่อย!




ทั้งๆที่วันที่คณะไม่ได้ลงแข่งแท้ๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้


พร้อมกับถ้าสมมุติ อาทิตย์ไหน มีฟุตบอล ยุโรป แฟน บอลกลุ่มเกรียนแตกของฝ่าย “หงส์แดง” ก็จะถามเซ้าซี้อยู่นั่นแหละว่าหมู่ แมนฯ ยูฯ ไม่มีเกมกลางสัปดาห์เหรอ ไม่ได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก เหรอ

ในตอนที่จับสลาก ได้อยู่โถไหนเหรอ ก็พูดกันไม่เลิก ไม่เคยเบื่อ คนอื่นที่เขาได้ยินต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเขาก็เอือม ไม่ได้ตลกเหมือนตอนที่เล่นกันแรกๆ แล้ว




กับนั่นก็เป็นที่แน่นอน วันใดที่หงส์ชนะ แฟนผีก็โดนเย้ยหยันเช่นกัน


ถ้าจะถามว่ามีแต่ “เกรียนหงส์” เหรอ ไม่หรอก “เกรียนผี” ก็ไม่น้อยหน้า ยิ่งสัปดาห์นี้ ตัวเองหนีขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ได้เนี่ย ล้อ เหล่าลิเวอร์พูล เขาไม่หยุด ถามกันตลอดว่าอันดับเท่าไหร่เหรอ ไปบอลยุโรปเหนื่อยเหรอ กลางสัปดาห์ไม่ชนะเหรอ ทีมอะไรอยู่อันดับ 4 คณะอะไรอยู่อันดับ 9 เหรอ




แล้วมันจักทำไมเหรอครับ ลีกมันจบแค่สัปดาห์นี้แล้วเหรอ การแข่งนัดหน้า เหล่าแมนฯ ยูฯ จักไม่พ่าย พวกลิเวอร์พูล จะไม่พ่ายแพ้กันแล้วใช่ไหม เล่นกันไม่เลิกทั้งสองฝ่าย ไม่เคยสนใจเลยว่า หมู่เชลซี นู่น เขาเป็นจ่าฝูงนู่น มีตั้ง 19 แต้ม

ซึ่งถ้าไปแข่งกันทำตามเป้าตัวเองที่วางไว้ต้นฤดูกาล ดีกว่ามานั่งหาความสนุกปากกันไปอาทิตย์ต่ออาทิตย์แบบนี้



ภาพอันนี้น่าจักโดนใจแฟนกรุ๊ปอื่นครับ เป้าหมายชัดเจนมาก


ล้อกันเองไม่พอ แต่ยังดึงชาวบ้านชาวช่องเขาเข้าไปอยู่ในนี้ด้วย เล่นส่งข้อความมาถามผู้ดำเนินรายการลักษณะว่า “พี่ครับ แมนฯยูฯ อยู่ที่เท่าไหร่ แล้ว ลิเวอร์พูล อยู่ที่เท่าไหร่ครับ

ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ครับ เราเอือมที่จะตอบ แม้จักรู้ว่าท่านเสียเงินส่งมันมาก็ตาม ยิ่งไปหาดูตามหน้าเฟซบุ๊คต่างๆ ที่เกี่ยวกับฟุตบอลแล้วล่ะก็ แฟนขาเกรียนสองฝ่ายนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าพวกไหนแน่นอน เก่งบนหน้าคอมพิวเตอร์เนี่ย ขอให้บอกกล่าว ไม่ปราชัยใครในใต้หล้าอยู่แล้ว




แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ประสงค์จักเตือน ๆ กันไว้ เล่นสนุกกันหอมปากหอมคอก็พอ อย่าไปสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ใครต่อใครเขาเลย

ซึ่งฝ่ายใคร ใครก็รักครับ ล้อสนุกกันพอเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องเอามาเป็นแน่นอนเป็นจังขนาดต้องวิวาทกัน ผลงานแย่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ผลงานดีก็ชื่นชม สู้ไปด้วยกัน จำนนวันนี้ วันหน้าก็แข่งใหม่ ฤดูกาลนี้แย่ ฤดูกาลหน้าก็เอาใหม่ เขายังไม่ยุบลีกในปีสองปีนี้แน่นอน

จงอย่าเพิ่มเรื่องปวดหัวให้สังคมปัจจุบันเลย อย่าเป็นแฟนบอลเกรียนๆ ที่จักทำให้แฟนบอลดีๆ เขาเป็นขี้ปากชาวบ้านไปด้วยเลย

และอย่าให้คนอื่นเขาด่าว่า แฟนบอล แมนฯ ยูฯ น่ะเหรอ แฟน ลิเวอร์พูล น่ะเหรอ ปากดีอย่างนั้น เกรียนอย่างนี้ หรือน่าหมั่นไส้ยังไงก็ตาม มันไม่น่าชื่นชมหรอกครับ


ที่มา : http://footballclubpza.blogspot.com/