แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หงส์แดง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หงส์แดง แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปัจจุบัน หงส์แดง เซ็นนายป้อมปราการดาวรุ่งเมืองเบียร์คลุกคลีทัพสวยงาม

ปัจจุบัน หงส์แดง เซ็นนายด่านดาวรุ่งเมืองเบียร์ร่วมทัพสวยงาม




หมู่หงส์แดง ลิเวอร์พูล ผลบอลสดที่สังสรรค์ดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตะปบตัว ลอริส คาริอุส ผู้แวดประตูดาวรุ่งจากหมู่ ไมนซ์ 05 ร่วมหมู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเซ็นข้อสัญญาร่วมงานกันเป็นครั้งถึง 5 ปี 

เกี่ยวกับลอริส คาริอุส นายประตูชาวเยอรมัน นั้นเริ่มเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการแล้ว หลังได้เซ็นสนธิสัญญาขยับจาก ไมนซ์05 เป็นสโมสรในบุนเดสลีกา เยอรมัน มาร่วมทัพ เป็นเวลาถึง 5 ปี พร้อมเปิดใจสุดปลาบปลื้มที่ได้มาอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งเชื่อว่าดำรงฐานะการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว 



โดยค่าตอบแทนการย้ายเหล่าครั้งนี้ของ นายทวารสุดหล่อวัย 22 ปี อยู่ที่ 4.7 ล้านปอนด์ หรือไม่ก็ ประมาณ 230.3 ล้านบาท โดย คาริอุส ซึ่งฤดูกาลล่าสุดเก็บ 9 คลีนชีต จากการลงเล่นเกมลีกให้ กรุ๊ปไมนซ์05 ถึง 34 นัด เขาจะได้สวมเสื้อหมายเลข 1 ในถิ่นแอนฟิลด์

เพราะว่าลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูคนใหม่ของ ทีมลิเวอร์พูล แห่งเวที ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกิดที่เมืองบีเบอราช อัน แดร์ ริสส์ อยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี พร้อมกับเคยเล่นให้เหล่าระดับเยาวชนหลายหมู่ ก่อนที่เขาจักย้ายถิ่นเข้าไปอะคาเดมี่ของ ทีมเฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ในปี 2005



ทิศ ลอริส คาริอุส พร้อมทั้งทำผลงานได้โดดเด่นในระดับเยาวชน จนถูกเรียกติดเหล่าชาติเยอรมนี อยู่ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี เกมที่เจอกับ กลุ่มมาซิโดเนีย ช่วงเดือนกันยายน ปี 2008 ซึ่งในช่วงนั้น พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ส่งแมวมองมาดูฟอร์มของเขาด้วย

ขอบคุณคลิปจาก Youtube: ลีโอเนล เม็ดขี้



ฝ่ายเรือใบสีฟ้า จนถึงขั้นอัญเชิญ คาริอุส และ ครอบครัวของเขามาที่ ประเทศอังกฤษ เพื่อมาดูเกมที่ เยอรมนี รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ดวลกับ พวกชาติมาซิโดเนีย ก่อนที่สุดท้าย ฝ่ายแมนฯ ซิตี้ จักเซ็นอนุสัญญากับเขาจนกระทั่งวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2009



ด้วยกันภายหลังนั้น ก็ใช้เวลาราว 2 ปีอยู่ในเกาะอังกฤษ เพราะว่าคาริอุส ก็ถูกส่งให้ ทีมไมนซ์ 05 กู้ตัวไปใช้งานจนถึงช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2011


ขอบคุณคลิปจาก youtube: ThaiCh8


เพราะตอนแรกเขาต้องลงเล่นกับทีมสำรองของสโมสรในเมืองเบียร์ ก่อนที่ ไมนซ์ จะซื้อขาด คาริอุส เพราะว่าจับเซ็นให้คำมั่น 2 ปี พร้อมมีอ็อปชั่นที่จะขยายเพิ่มอีก 1 ปี



พร้อมทั้งภายหลังสอดส่องรอมานาน ในที่สุด คาริอุส นั้นก็ได้ลงเล่นในเกมระดับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดที่ ฝ่ายไมนซ์ เจอกับ หมู่ฮันโนเวอร์ 96 เพราะว่าเป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรองภายหลังที่ คริสเตียน เว็ทโคล่ นั้นโดนไล่ออกจากสนามไป

ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คาริอุส ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนกลายเป็นมือ 1 ของกรุ๊ป ด้วยกันได้ต่ออนุสัญญากับคณะ 3 ปี ขณะวันที่ 12 มกราคม 2015



โดยในฤดูกาล 2015-16 คาริอุส ก็ทำผลงานได้ดีขึ้น อาจเก็บคลีนชีทได้ 9 นัด พร้อมทั้งก็ยังเซฟลูกจุดโทษได้ 2 ครั้ง จนเขาได้รับการโหวตให้เป็นนายทวารที่ดีที่สุดในลีกเป็นอันดับ 3 ร่วมบนเว็บไซต์ของ บุนเดสลีกา

ก่อนที่จักได้ยักย้ายถ่ายเทมาอยู่กับ พวกลิเวอร์พูล ในที่สุด โดยเจ้าตัวได้ประกาศออกมาว่า ตนยักมา ลิเวอร์พูลเพื่อเป็นตัวจริง ไม่ได้คิดที่จักมานั่งที่ม้านั่งสำรอง ต้องมาดูกันแล้วล่ะ ว่าเขาจะเก่งเบียดแย่งตัวแน่นอนจาก ซิมง-มิโญเลต์ ได้หรือไม่



มาดูสถิติคร่าวๆ ของ ลอริส คาริอุส (จากทุกรายการ)

  1. จำนวนเกมที่ลงเล่น - 96 นัด
  2. จำนวนประตูที่เสีย - 124 ประตู
  3. จำนวนเกมที่ไม่เสียประตู - 32 นัด



  1. จำนวนรวมเกมที่ลงเล่น - 34 นัด
  2. ส่วนแบ่งประตูที่เสีย - 42 ประตู
  3. ปริมาณเกมที่ไม่เสียประตู - 9 นัด
  4. ค่ากลางประตูที่เสียต่อ 1 เกม - 1.24 ประตู
  5. ค่าเฉลี่ยการเซฟต่อ 1 เกม - 2.53 ครั้ง
  6. ค่ากลางการเซฟต่อ 1 ประตูที่เสียไป - 2.1 ครั้ง
มูลเหตุของข้อมูล: ผลบอลไทย

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บาโลเตลลี่สมมติยังไม่ตายแบบนี้ปลอดออกเท่าไรก็คงไม่ไป อัดอีกทั้งไงก็ไม่ลง

ถ้าเป็นแบบนี้ไล่เท่าไรก็คงไม่ไป กดยังไงก็ไม่ลง




เพราะว่าที่ปกติแล้ว เวลานักเตะซักคนประกาศจุดยืน แสดงความจงรักภักดีต่อสโมสรฟุตบอล ด้วยการยืนกรานว่าไม่คิดจักยักย้ายไปไหน ขออยู่ประสบความสำเร็จกับฝ่ายแล้วล่ะก็ มันควรจักเป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดี ทั้งเพราะด้วยสโมสรกับแฟนบอล

แค่แต่ว่าส่วนใหญ่แฟนๆ มักจะช้ำใจกับการเห็นดาวเตะขวัญใจออกมาปิดประตูปฏิญาณใหม่ที่สโมสรยื่นให้บ้างล่ะ ออกมาเปรยไม่ก็ขู่ว่าจะยักบ้างล่ะ

เพราะที่บางทีก็อาจจักปวดใจไม่พ่ายกัน ถ้านักเตะที่ปรารถนาให้ขยับเต็มที ปรารถนาให้โละออกไปไวๆ ดันประกาศว่าให้ตายก็ไม่ขน

ด้วยกันมาริโอ บาโลเตลลี่ นั้นคือโปรแกรมพรีเมียร์ลีกนักเตะที่น่าจะทำให้เหล่าเดอะค็อปรู้สึกแบบหลังอยู่




ซึ่งการที่ตลาดนักเตะนักเตะหน้าหนาวกำลังจักปิดลงในวันจันทร์ที่จักถึง หมายความว่าแต่ละกรุ๊ปมีเวลาเหเลื่องลืออีกแค่ไม่กี่วันที่จะซื้อหรือไม่ก็ขายนักตะให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตาย ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปจนกว่าฤดูกาลจะสิ้นสุดลง

สิ่งนั้นหมายถึงการพลาดโอกาสปรับเปลี่ยนอะไรให้ทันกาลเพราะด้วยครึ่งที่เหโจษอยู่ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุดฤดูกาลนี้

พร้อมด้วยเพราะด้วย หมู่ลิเวอร์พูล แล้วเป้าหมายหลักในการเสริมทัพอยู่ที่การมองหาศูนย์หน้ามาแทนที่การอำลาไปของ หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมกับการเจ็บยาวของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

การที่คาริม เบนเซม่า กับ เอเซเกล ลาเวซซี่ ที่เป็นสองดาวเตะที่มีชื่อตกเป็นข่าวกับหงส์แดงเป็นพิเศษ หลังจากกองหน้าตัวใหม่ในช่วงซัมเมอร์อย่าง 1.ริคกี้ แลมเบิร์ต พร้อมทั้ง 2.บาโลเตลลี่ ทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ถูกคาดหวัง




ทางด้าน แลมเบิร์ต นั้นยังพอมีข้อแก้ตัวได้ว่าไม่ถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกใช้เหรอให้โอกาสมากพอ เพราะถูกจับนั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับ บาโลเตลลี่ ที่ถูกทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ ซื้อมาเสริมหมู่ฟุตบอลหลังเปิดฤดูกาลไปแล้ว เพราะหวังว่าจะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในแนวรุกให้กับฝ่าย

กับบาโลเตลลี่ กลายเป็นตัวเโจษกในแนวรุกอันดับแรกไปในทันที ภายหลัง สเตอร์ริดจ์ เจ็บไปตั้งแต่นัดที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นเกมเดียวที่ทั้งคู่ได้ลงเล่นร่วมกันจนถึงประเดี๋ยวนี้

แต่ว่าภายหลังที่ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง บาโลเตลลี่ ก็ยังเบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อของลิเวอร์พูลไม่ได้ จนสุดท้ายร็อดเจอร์สก็ไม่ดันทุรังอีกต่อไป ด้วยการปลด เกรียนโอ้ ออกไปเป็นสำรองในที่สุด

โดยที่วิเคราะห์บอลการหลุดพวกไปของเขาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ และมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง รวมถึงแผนการเล่นใหม่ที่ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มายืนป็นเบอร์ 9 หลอกแทนดูจะได้ผลดี จนทำให้ผลงานของหงส์แดงในช่วงหลังกระเตื้องขึ้นมา




สิ่งนั้นย่อมหมายความว่าโอกาสที่จะลงเล่นในตารางบอลของบาโลเตลลี่คงจะลดน้อยลงไปอีก เพราะว่าเฉพาะจนถึงสเตอร์ริดจ์พร้อมจะคัมแบ็กแล้ว

พร้อมด้วยทางบาโลเตลลี่ ได้ลงเล่นในไฮไลท์พรีเมียร์ลีกเกมล่าสุดด้วยการเป็นตัวสำรองในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ของลีกคัพรอบตัดเชือกนัดที่สอง กับ เชลซี ตราบใดวันอังคาร ซึ่งบทบาทของเขายังคงเป็นการไม่มีบทบาทใดๆในการช่วยกลุ่มเหมือนเคย

แถมก็ยังมีส่วนทำให้คณะเสียฟรีคิกจนนำไปสู่ประตูชัยของ ทีมเชลซี ในเกมนี้ด้วย จากการจ่ายบอลพลาดจนเพื่อนต้องไปตัดฟาวล์

เพราะว่าที่ฟอร์มของบาโลเตลลี่ในนัดนี้ยิ่งทำให้กระแสข่าวที่ว่าเขาจะถูกหงส์แดงโละทิ้งมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น แม้เจ้าตัวจักเคยออกมาชี้แจงว่าพร้อมจะสู้เพื่อตำแหน่งด้วยกันพิสูจน์ตัวเองถัดไปก็ตาม

ช่วงเวลาล่าสุด มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ของบาโลเตลลี่ ออกมาตอกย้ำถ้อยคำที่บาดหัวใจเหล่าเดอะค็อปหนักขึ้นไปอีก ทันทีที่แสดงว่าเขาได้ทำนูลเกรียนโอ้ไปแล้วว่าให้ลืมเรื่องเปลี่ยนที่เหล่าไปได้เลย เพราะมีคำสัญญาอยู่ตั้ง 4 ปี ให้นั่งรับค่าเหนื่อยก้อนโตสบายๆ




พร้อมทั้งในส่วนโปรแกรมบอลมุมของเอเยนต์แล้ว ปกติจักชอบยุให้นักเตะย้ายถิ่น เพราะว่าตัวเองจะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการซื้อขาย แต่ถ้าขายในช่วงที่มูลค่าตก ก็หมายความว่าส่วนแบ่งตรงนั้นจักลดน้อยลงไปด้วย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เอเยนต์ชื่อดังชาวอิตาเลียนรายนี้ จะยื่นคำขาดไปว่าจะไม่เจรจากับทีมไหนทั้งนั้นในช่วงนี้ ถ้าจักพูดเรื่องโยกย้ายก็ต้องรอให้บาโลเตลลี่ทำผลงานให้ดีก่อน จนค่าจ้างพุ่งไปซัก 45-50 ล้านปอนด์ ตอนนั้นค่อยมาว่ากัน

พร้อมกับถ้าเกรียนโอ้ทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะ? เอเยนต์ผู้ปรารถนาดีแนะนำนิ่มๆ ว่าก็อยู่ไปเรื่อยๆ ให้มันแห้งตายคาแอนฟิลด์นี่แหละ ให้มันรู้กันไปว่า ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ขน ถึงไล่ก็ไม่เลิก

หากได้ฟังแบบนี้แล้ว ฝ่ายลิเวอร์พูล คงต้องคิดหนักว่าควรจะให้ บาโลเตลลี่ ลงมาเล่นหรือเปล่า? เผื่อจับพลัดจับผลูเล่นดีขึ้นมา จะได้รีบหาคณะมารับเซ้งได้ง่ายขึ้น หรือจะเก็บไว้เป็นสีสันด้วยกันความบันเทิงให้กับแฟนๆ รองลงไปดี

Babybear

ที่มา: http://event.sanook.com/football

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิเคราะห์บอล: โค้ชร็อดเจอร์สปักหมุด?

โค้ชร็อดเจอร์สปักหมุด?






ภายหลังที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ฝ่ายลิเวอร์พูลในศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก ให้สัมภาษณ์วิเคราะห์บอลเอาไว้หลังเกมเจ๊า ทีมโบลตัน คืนวันเสาร์ที่เปลี่ยนมาว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จักลงซ้อมแบบเต็มที่กับกลุ่ม ภายหลังนั้นจักเช็คดูว่าพร้อมไม่ใช่หรือมีโอกาสแค่ไหนในเกมเจอ คณะเชลซีวันนี้

และถ้ายังไม่พร้อมก็จะใช้งานในเกมสุดอาทิตย์กับ ฝ่ายเวสต์แฮม ก็จะให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทำหน้าที่ตรงนั้นไปก่อนเช่นเดิม

เรียกได้ว่า เป็นการตัดเยื่อใยกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ แบบชัดเจนอีกครั้ง กุนซือหงส์แดงเห็นว่าหมู่ได้ประโยชน์จาก บาโลเตลลี่ น้อยมาก เป็นแบบนี้ไม่รู้จักส่งลงเล่นทำไม

เพราะว่าโครงสร้างของหมู่ที่พยายามปรับเปลี่ยนกันมาภายหลังเจอปัญหาใหญ่ยาวเหยียดเกือบ 4 เดือน ไม่มี มาริโอ บาโลเตลลี่ เป็นชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงสร้างดังกล่าว




พร้อมด้วยภายหลังเกมที่พ่ายให้กับ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หงส์แดงมีผลงานที่ขยับขึ้นมาน่าพอใจในระดับหนึ่ง เกมรับที่เละเทะพลาดกันแบบง่ายๆ เริ่มต้นไม่ค่อยมีให้เห็นกันมากนัก

เพื่อความพยายามในการแก้ไขปัญหาตรงนี้แบบเร่งด่วนผลออกมาน่าพอใจ ประเด็นจากนั้นก็คือกองหน้า ดูเหมือน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ปักหมุดชัดเจนแล้วว่าความคาดหวังกับเกมที่เหเล่าลืออยู่ทั้งหมดในฤดูกาลนี้อยู่ที่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์

เท่ากับว่าเป็นการปิดผนังการมีส่วนร่วมของ บาโลเตลลี่ แบบสิ้นเชิง เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ บาโลเตลลี่ จะปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้เหมาะกับสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส ต้องการ

ซึ่งกองหน้าต้องเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ปราดเปรียวในการขยับไปตามช่องที่เปิด นอกจากนี้ต้องเป็นนักเตะที่มีความก้าวร้าวดุดันด้วยกันทุ่มเท คือมีเกมเพรสซิ่งทันทีที่เสียบอลเพื่อชะลอเกมของคู่แข่งไม่ก็แย่งบอลกลับมาลุยต่ออีกครั้ง




ซึ่งบาโลเตลลี่ นั้นไม่มีเรื่องราวที่ว่ามา การจ่ายบอลต้องให้ไปที่ตัว การเคลื่อนที่ยังไม่จี๊ดจ๊าดมากพอ นอกจากนี้จังหวะเสียบอลของ บาโลเตลลี่ ง่ายเกินไปโดนเบียดนิดเบียดหน่อยเรียบร้อยคู่แข่งทันที ในขณะที่จังหวะต่อเนื่องไม่มีการเพรสซิ่งแบบทันทีทันควัน เพราะมัวแต่นั่งกุมข้อเท้าหรือว่าอะไรประมาณนั้นต่อเนื่องด้วยการแสดงท่าทางหัวเสียหรือว่าบ่นผู้ตัดสิน ซึ่งวินาทีนั้นบอลไปไหนต่อไหนแล้ว

เรื่องของปรับตัวให้เข้ากับโครงสร้างกับจังหวะการเล่นของพวกจึงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสอย่างยิ่งเหมือนกับการเปลี่ยนสไตล์การเล่น เป็นไปได้ยากครับ

โค้ชร็อดเจอร์ส เริ่มต้นด้วยการให้โอกาสเต็มที่ ทว่า บาโลเตลลี่ ไม่สมรรถฉแกฉวยเอาไว้ได้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เจ็บยาวแต่ยังเป็นที่คาดหวัง ในขณะที่ตัวที่มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าไม่อาจจะเข้าไปอยู่ในแผนการเล่น เป็นแบบนั้นมันเกินไปแล้ว

เพราะว่าเกมเจ๊ากับ ทีมโบลตัน เกรียนโอ้ ไม่มีแม้แต่ชื่อตัวสำรอง ไม่มีอาการบาดเจ็บแบบต้องดูแลกันเป็นพิเศษ ข่าวแค่บ่งบอกว่าเป็นไข้ ซึ่งใครคนไหนที่โดนดรอปออกไปจากทีมมักจักมีเหตุผลนี้มารองรับเป็นพื้นฐาน

ซึ่งฝ่ายลิเวอร์พูล เล่นได้ดีพอที่จักเอาชนะ โบลตัน ได้ แต่ปัญหาคือไม่มีกองหน้าอาชีพที่เฉียบคมมากพอมาใช้งาน การจัดตัวเพื่อดวลกับเชลซีถ้าหาก สเตอร์ริดจ์ ไม่พร้อมก็จักออกมาในรูปแบบนี้อีกครั้ง




โค้ชร็อดเจอร์ส นั้นพยายามหลีกเลี่ยงการเฟุ้งเฟื่องก บาโลเตลลี่ ลงเล่นเป็นหัวหอก ฟังจากคำให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า เดิมพันอนาคตในฤดูกาลนี้ที่เหลือกระฉ่อนอยู่ขึ้นกับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เป็นสำคัญ

ในด้านสภาพพร้อมพร้อมส่งลงเล่นแบบยาวๆ ที่เหละบืออีก 2-3 คนนั่งดูกันไป วันไหนๆไม่มี สเตอร์ริดจ์ ใช้งาน สเตอร์ลิ่ง แทน

เหล่าหงส์แดงยังคงมีเกมสำคัญต่อเนื่องในช่วงนี้ ทั้งการเยือน เชลซี ทั้งรีเพลย์แมตช์กับ เหล่าโบลตัน เกมยูโรป้าก็ใกล้กลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงพรีเมียร์ลีก เป้าหมายท็อปโฟร์ยังคงปักธงกันไว้เช่นเดิม

ซึ่งร็อดเจอร์ส ได้อธิบายว่า 6 - 7 นัดที่สร้างผ่านมากลุ่มพยายามปรับโครงสร้างกันใหม่ เพื่อให้เกมเพรสซิ่งกลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงการสร้างสรรค์โอกาสที่รอบรู้ทำได้มากขึ้น





แต่สมมติตารางบอลนักเตะคนไหนไม่สมรรถเข้ากับวิธีการหรือไม่โครงสร้างที่วางไว้ เป็นเรื่องยากที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับฝ่าย ร็อดเจอร์ส เข้าสู่โหมดวางมือจาก บาโลเตลลี่ เช่นเดียวกับที่ โค้ชโจเซ่ , โค้ชมูรินโญ่, โค้ชโรแบร์โต้ มันชินี่ พร้อมกับ โค้ชอันโตนิโอ คอนเต้ ทำมาก่อนแล้ว

ด้วยกันถ้าหากจักย้ำว่าเป็นลางไม่ดีของ มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็คงไม่ใช่ เอาเป็นว่าเสนอกันชัดๆพร้อมทั้งตรงๆกันเลยทีเดียว กุนซือหงส์แดงกำลังต้องการความช่วยเหลือกระฉ่อนทั้งหมดทั้งมวลจากลูกเหล่า เพราะเฉพาะแดนหน้า แต่ไม่ต้องการความช่วยเหร่ำลือจาก มาริโอ บาโลเตลลี่

ในด้านของกฏแฟร์เพลย์ทางด้านการเงิน เป็นขวากหนามอย่างหนึ่ง ทำให้ขยับตัวไม่ค่อยจะได้ นั่นทำให้การปักหมุดพร้อมทั้งการเดิมพันในแดนหน้าของ ร็อดเจอร์ส พุ่งเป้าไปที่ สเตอร์ริดจ์

ถึงแม้จักสุ่มเสี่ยงมากขนาดไหนกับสถานการณ์ที่เชื่อมั่นในกองหน้าเท่าคนเดียวของพวก ดูเหมือนจะมีการเลือเลื่องกแล้วว่ามาเส้นทางนี้

ในนาทีนี้โปรแกรมบอล มาริโอ บาโลเตลลี่ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่ม แต่เป็นส่วนเกินของหมู่ เกมไปเยือนเชลซีวันนี่พิสูจน์ร่วมกันว่าแน่นอนหรือไม่ก็เปล่า

ดามัน

ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์บอล: จนกระทั่งเจอร์ราร์ด และงานชี้ขาดใจ ที่กลับกลายชีวิต

จนถึงเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต




วิเคราะห์บอลคงพูดไม่ผิดนักสมมตจักปริปากว่า ภาพของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในชุดเสื้อสีอื่นที่นอกเหนือจากสีแดงเพลิงของทีมลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเหล่า Kopites ทั้งปวง

ซึ่งหมู่มวลค็อปชนนั้นไม่เคยคิดมาก่อนแม้สักเวลานาทีว่ากัปตันเหล่ายอดดวงใจของพวกเขานั้นจะจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่กับกรุ๊ปใดอีก เพราะเฉพาะในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ทุกคน เชื่อ นั้นคือเจอร์ราร์ด จะอยู่กับ ทีมลิเวอร์พูล สโมสรเดียวตลอดไปจนเลิกเล่นฟุตบอล มีสถานะเป็น One-man-club เป็นตัวอย่างของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่รับใช้สโมสรไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายในเกมลูกหนัง

แต่ว่าน่าเสียดายกับน่าเสียใจที่สิ่งเหล่านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น เท่าที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เตรียมประกาศการตกลงใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ที่ว่าเขาคงต้องไปจาก ถิ่นแอนฟิลด์แล้วหลังจบฤดูกาลนี้

ซึ่งความแน่นอนแล้วเจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสที่จะไปจาก ฝ่ายฟุตบอลลิเวอร์พูล มาก่อนครับ พร้อมด้วยเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงมากด้วยอย่างน้อยถึง 2 ครั้งด้วยกัน




ในครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาล 2003 - 2004
พร้อมกับ.oอีกครั้ง  ซึ่งใกล้เคียงยิ่งกว่าในช่วงหลังจบฤดูกาล 2004 - 2005 โดยทั้งสองครั้งเป็น หมู่เชลซี ที่พยายามจะเจรจาเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมกรุ๊ปให้ได้ พร้อมกับครั้งหลังนั้นเจอร์ราร์ด ตอบตกลงด้วยวาจาไปแล้ว

แต่ว่าในคืนสุดท้ายหลังทบทวนตัวเองอย่างดี เสียงของหัวใจบ่งกับเขาว่า แม้การไปอยู่ คณะเชลซีจะทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะไม่มีเสื้อสีไหนนอกจากสีแดงของลิเวอร์พูล สนามใดนอกเหนือจากแอนฟิลด์ กับแฟนบอลกลุ่มไหนนอกเหนือจากเหล่า ฝ่ายเดอะ ค็อป ที่เขาต้องการรับใช้

ตัวของเจอร์ราร์ด จึงไม่ได้เป็นปางกัปตันฝ่ายผู้ยิ่งใหญ่

แต่ว่าเขายังเป็นผู้รับใช้สโมสรที่จงรักภักดีมากที่สุดคนหนึ่งด้วย





รวมทั้งโอกาสของความสำเร็จ ด้วยกันเงินตราไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต ก็เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการทำให้ได้คือการนำ เหล่าลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการจักทำให้ได้เช่นนั้น นั่นหมายถึงการ เสียสละ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

แต่ว่าในขณะที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรซ เลือกที่จักทิ้งสโมสรอย่างทีมลิเวอร์พูลไปก็เพราะว่ารู้ถึง ศักยภาพ ของยักษ์หลับในอดีตว่าเป็นเรื่องยากที่จักกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ดังนั้นเจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่กล้าไม่รับสโมสรอย่าง ทีมบาเยิร์น มิวนิค ด้วยกัน กลุ่มเรอัล มาดริด เพื่ออยู่ที่แอนฟิลด์รองลงไป

ก็ไม่มีใครรู้ครับว่าน้ำหนักของ ความรับผิดชอบ ที่เจอร์ราร์ด แบกรับแทนทุกคนตลอดระยะเวลา 11 ปีของการเป็นกัปตันหมู่นั้นหนักหนาแค่ไหน

ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้และรับไว้ด้วยความเต็มใจ โดยมิได้ปริปากใดๆไฮไลท์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้จักไม่เป็นได้บรรลุภารกิจในการนำพาสโมสรกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้ เพราะว่าเฉพาะกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ซึ่งทำได้ดีที่สุดเท่าแค่การเป็นรองแชมป์ 3 ครั้งในฤดูกาล
2001 - 2002
2008 - 2009
2013 - 2014

ซึ่งก็ได้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม เท่าที่เจอร์ราร์ด เป็นคน ลื่นล้ม กับ อนุญาตให้โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขาหลุดมือไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาด้วยกันเหล่าเดอะ ค็อป นั้นมี ความทรงจำ ที่งดงามร่วมกันมากมาย

นับจากวันแรกที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง สู่ประตูแรกที่สวยงามในเกมกับเชฟฟิลด์ เวย์นสเดย์ ก้าวสู่การเป็นกองกลางตัวหลักของพวก ด้วยกันการเป็นกัปตันหมู่

ซึ่งจาก ปาฏิหารย์ที่อิสตันบูล กับโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 2005 สู่ ปาฏิหารย์แห่งคาร์ดิฟฟ์ กับโทรฟี่เอฟเอ คัพ ในปี 2006



ดังนั้นเจอร์ราร์ด เป็นทั้งแรงบันดาลใจ กับศูนย์รวมใจของ ฝ่ายลิเวอร์พูลตลอดมา

แต่ว่า จนกระทั่งวันเวลาเดินทางมาถึงวันที่แข้งขานั้นไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พละกำลังไม่มีเหมือนเก่า นักฟุตบอลผู้ทระนงในการเล่นอันสง่างามของตัวเองอย่างเจอร์ราร์ด ยังไม่อาจตัดใจยอมรับสภาพของตัวเองได้

ซึ่งรายได้พร้อมด้วยระยะเวลาในหนังสือสัญญา 12 เดือนที่ คณะลิเวอร์พูล เพิ่งจะมอบให้ในเดือนพฤศจิกายน

- ซึ่งนี่จักเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำถามว่าเหตุใดบอร์ดบริหารhttp://sport.sanook.com/football/premierleague/จึงดำเนินการล่าช้าขนาดนี้

- พร้อมด้วยไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่าเขา นักฟุตบอลผู้เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล จักต้องตกอยู่ในฐานะตัวสำรองที่ต้องเฝ้ารอโอกาสตัวเองอย่างอดทน ใช่ไหมสมมตลงตัวแท้ก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ตัวถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากในความรู้สึก

ถ้าถ้าหากอยู่อย่างนี้ สู้จากไปเสียดีกว่า ไปค้นหาความท้าทายใหม่ในบั้นปลายของชีวิตการเล่น ไปในที่ที่เขายังรอบรู้เป็นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งก็ไม่มีหนทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ดังนั้นนี่จึงเป็นการตัดสินใจ เพื่อตัวเอง ครั้งแรกพร้อมกับครั้งเดียวของเจอร์ราร์ด เป็นการ ปลงใจแห่งชีวิต ที่เดอะ ค็อปทุกคนควรต้องยอมรับกับ ปลดปล่อยให้เขาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เช่นกันกับเพื่อให้สโมสรได้ก้าวเดินหลังจากนั้นข้างหน้าไม่ต้องเสียเวลากังวลกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นเขาอีก

พร้อมด้วยการปลงใจครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนได้ ตระหนัก ถึงความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลคนนี้อีกครั้ง เพราะบางทีการมองจากเบื้องหน้านั้นเราอาจไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ด ได้เท่ากับการมองจากเบื้องหลังในวันที่เขาต้องไป

ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ด จักไม่ได้ลงนามในหนังสือสัญญาฉบับสุดท้ายที่สโมสรมอบให้ และแม้จะต้องร่ำลาจากกันไปก่อนในวันนี้

แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตารางบอลสโมสรตลอดระยะเวลา 16 ปีในการเป็นนักเตะ กับอีก 25 ปีที่ใช้ชีวิตในรั้วแอนฟิลด์ พร้อมกับ 34 ปีที่มอบทั้งกายและใจให้แก่ลิเวอร์พูล สโมสรรักแรกพร้อมด้วยรักเดียว

สมมุติต่อให้จักไม่ได้สถานะ One-man-club เหมือนเจมี่ คาร์ราเกอร์ - แล้วเจอร์ราร์ด นั้นยังคงเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งในดวงใจของเดอะค็อปชนเสมอ ในฐานะ มิสเตอร์ ทีมลิเวอร์พูล ที่ไม่มีใครสามารถทดแทนได้ตลอดกาล

ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เจอร์ราร์ด จักมอบให้แก่เดอะ ค็อป คือ สบถสาบานใจ ที่จักประภาษกล่าวกับทุกคนว่าอย่าได้เศร้าเสียใจนาน

เพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นเหมือนชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งขณะถึงเวลา เขาจะกลับมา และจักไม่มีวันจากไปไหนอีก !!

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวสารฟุตบอลการต่อสู้พรีเมียร์ลีกกับโปรแกรมบอลพรุ่งนี้

จับปลาหลายมือ?





ทางด้านฟุตบอลในโซนยุโรป หลักๆ ก็มี 3 รายการเพราะว่ากรุ๊ปใหญ่ ก็คือ

  1. ศึกบอลลีก
  2. ศึกบอลถ้วย
  3. ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


แต่ก็มีบางประเทศอย่าง 1.ฝรั่งเศส พร้อมทั้ง 2.อังกฤษ ที่มี 4 รายการ เปิดมู่ลี่ซีซั่นมาได้ 3 เดือนแรก 4 บิ๊กโฟร์ อย่าง


  • ฝ่ายอาร์เซน่อล
  • ทีมเชลซี
  • หมู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • หมู่ลิเวอร์พูล 


ซึ่งก็ไม่ค่อยจะทำผลงานดีสักเท่าไหร่นักในทุกๆ รายการ เว้นก็แต่ ฝ่ายเชลซี ไว้หนึ่งเหล่า

พร้อมทั้งโดยเฉพาะในเวทียุโรป ที่ทั้ง พวกเรือใบ พร้อมด้วย หมู่หงส์แดง แชมป์พร้อมกับรองแชมป์ลีกตราบฤดูกาลที่ทะลุทะลวงมา ต่างทำให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้ง 2 หมู่นั้นกำลังปวดกระเพาะอาหารอยู่ ทั้งนี้เพราะสถานการณ์รอบแบ่งกลุ่มไม่สู้ดีนัก




โหมโรงกันที่กรุ๊ปลิเวอร์พูลหลังจากได้เปลี่ยนเข้ามาเล่นชปล ในปีนี้ ก็พลอยทำให้ผลงานทั้งในลีกพร้อมทั้งบอลถ้วยตกลงไปพอๆ กัน

และด้วยเหตุว่าในปีนี้ ทางศึกพรีเมียร์ลีก ได้แบ่งมาให้ฟรีทีวีดูด้วย ก็เลยมีบางสัปดาห์ผมได้ดูฟอร์มพวกจากอังกฤษ ซึ่งก็เจรจาเลยว่า ป้อแป้ สุดฤทธิ์ ถามว่าพวกเขามีศักยภาพที่จักชนะทุกๆ หมู่ในกลุ่มตัวเองหรือไม่ก็ไม่ แน่นอนว่า 100 เปอร์เซนต์คือมีแน่ๆ ด้วยโอกาสที่จักชนะ

แต่ว่าคำถามตรงหน้าคือ พวกเขาพร้อมไม่ก็ไม่ กับการเก็บ 3 คะแนนใน 6 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พูดได้เลยว่าไม่พร้อมอย่างแรง

และอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดเหมือนกัน ซึ่งผมได้นั่งคิดนอนคิดเกี่ยวกับผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของหมู่จากอังกฤษ ซึ่งปัญหามันน่าจะเริ่มมาจากจุดๆ เดียวกัน

ซึ่งนั่นก็คือโปรแกรมบอลเตะที่เกริ่นไปในข้างต้น ซึ่งผมมองว่านี่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้ทีมจากอังกฤษ ไปได้ไม่ถึงฝัน ด้วยการที่พวกเขามีรายการให้เล่นมากกว่าประเทศอื่นหนึ่งรายการ บวกกับยุคช่วงเวลานี้ที่ไม่มีการทิ้งถ้วยไหนๆ เหมือนเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เคยพลีชีพด้วยการส่งเยาวชนลงทั้งเหล่าเพื่อทิ้งบอลถ้วยจนชาวบ้านชาวช่องด่ามาแล้ว ถึงขั้นบ้าจี้ทำตามอยู่หลายปี ด้วยการเอาจริงๆในบอลถ้วยตามกระแสของ เหล่าแมนฯ ซิตี้ ด้วยกัน กลุ่มเชลซี ที่มีขนาดพวกใหญ่ เป็นได้เปลี่ยนผู้เล่นทั้งชุดก็ยังดูเป็นชุดใหญ่ได้มาแล้ว

ก็เหนื่อยสิครับงานนี้ พร้อมกับสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นไม่ได้ดีทั้งหมด ไม่ว่าจักเป็นรายการไหนๆ จนทำให้ฝ่ายเกือบพัง แฟนบอลในไทยเกือบปิดเฟซบุ๊คกันแทบไม่ทัน

สังเกตไหมครับว่าศึก แคปิตอล วัน คัพ Big4 แดนผู้ดีเล่นเอาแน่นอนเหมือนกัน แม้จะมีหมุนเอาสำรองลงบางตำแหน่ง พร้อมด้วยมีถึง 2 กรุ๊ปที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ซึ่งผมนั้นก็ขอยกตัวอย่างสโมสร หมู่ลิเวอร์พูล ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประกาศซื้อตัวเพื่อเอาไว้สับเปลี่ยนผู้เล่น ยามลงแข่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เจ้ากรรมดันโชคไม่ค่อยดี จับสลากมาอยู่กับ ฝ่ายเรอัล มาดริด แชมป์เก่า แถมมีกรุ๊ปสุดอันตรายพร้อมกับประมาทไม่ได้อย่าง บาเซิ่ล อยู่ด้วย ทำให้งานมันดูยากขึ้นเหมือนกัน

เพราะที่หลายๆ ฝ่ายอาจจักมองว่าพวกเขา โชคไม่ดีที่ต้องไปอยู่กับกลุ่มที่เหนือกว่าทั้ง หมู่เรอัล มาดริด แชมป์ปีที่แล้ว พร้อมทั้งแชมป์ 10 เวลา แต่ถ้าเจาะรายละเอียดลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ได้พ่ายแล้วเล่นดีนี่สิ

พร้อมด้วยผลบอล 0 - 3 ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ทำให้ใครๆ ก็ต่างโจมตีว่ามาตรฐานระหว่าง คณะเรอัล มาดริด พร้อมกับ หมู่ลิเวอร์พูล มันต่างกันมาก

ซึ่งมันก็ครันอยู่ที่ว่า กรุ๊ปราชันชุดขาว มีแนวรุกระดับโหดถึงขั้นทำเด็กร้องไห้ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็น หมู่หงส์แดง จนถึงฤดูกาลที่ลอดมา ช่วงที่พวกเขาชนะติดต่อกัน 11 นัด เอาฟอร์มแบบนั้นมาเตะเกมดังกล่าว ฝ่ายเรอัล มาดริด อาจจ๋อยกลับบ้านก็ได้



สู้ได้ดีกว่านัดแรก แม้จะจำนนชุดขาวไป 0 - 1

ซึ่งมันก็ไม่เชี่ยวชาญเป็นแบบนั้นได้ รวมถึงผลงานรายการอื่นของ เหล่าลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ดีเสียด้วยสิ มันเลยทำให้พ่ายพังพาบอย่างที่เห็นผลบอล 0-3 ทั้งๆ ที่มองกันว่า 11 ผู้เล่นตัวสุทธิเกมดังกล่าว ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของเหล่าเลยก็ว่าได้ จักขาดก็แต่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น

กับบางคนบ่งยังดีที่มันยังไม่ใช่เกมชี้เป็นชี้ตาย ถึง คณะหงส์แดง พ่ายเกมนี้ ก็ยังมีอีก 3 นัดให้แก้ตัว แต่เจ้ากรรมจุดเปลี่ยนมันมาตั้งแต่นัดที่บุกไปพ่าย ฝ่ายบาเซิ่ล 0 - 1 แล้วล่ะ เพราะแน่นอนว่าตามหน้าเสื่อ พวกเขาต้องลุ้นกับยอดเหล่าจากสวิส เพื่อแย่งตั๋วรอบน็อคเอาต์อีกใบ

แต่ว่าสถานการณ์ คราวนี้มันยิ่งลำบางขึ้นอีกขั้น โชคดีที่ กลุ่มบาเซิ่ล ดันจำนน ลูโดโกเร็ตส์ ในเกมที่ 3 ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากันที่ 3 คะแนน ยังได้ลุ้นยาวๆ ใน 3 เกมสุดท้าย แต่การที่จะต้องไปเยือน ถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว เกม 4 คิดในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าพวกเขาจักไม่ได้แต้มกลับไป พร้อมทั้ง กลุ่มบาเซิ่ล จักชนะ พวกลูโดโกเร็ตส์ ได้ไม่ยาก

ซึ่งนั่นมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ที่พวกเขาแพ้ หมู่เรอัล มาดริด 0-1 พร้อมกับ หมู่บาเซิ่ล อัดไป 4-0 นำพวกเขา 3 แต้ม เหลือเลื่องอีก 2 นัด


พร้อมทั้งในอาทิตย์นี้ พวกเขานั้นต้องไปเจอกับ ทีม เชลซี อีก นั้นทำให้ ตัวบีร็อด ต้องพักตัวหลักมันซะเลย


พร้อมทั้งนี่ก็กลายเป็นว่า ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นถ้วยเล็กๆไปแล้วสินะ แล้วหันไปเอาแท้ในลีกกับ แคปิตอล วัน คัพ ใช่ป่ะครับ??

อย่าทำเป็นเล่นนะครับ ในฝ่ายสำรองที่มี

  1. โคโล่ ตูเร่
  2. ลูคัส
  3. โจ อัลเลน
  4. เอ็มเร่ ชาน
  5. อดัม ลัลลาน่า
  6. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  7. ฟาบิโอ บอรินี่ 


แต่ว่ากลับจำนน กรุ๊ปชุดขาว พาง 0 - 1 !!!!

ซึ่งวิเคราะห์บอลเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลยครับ ตัวผมมั่นใจว่า เพราะว่ารูปเกมเอื้อนได้เลยว่า สู้ไม่ได้ ชัดเจน แต่มองในแง่ดีคือการได้กองหลังที่ยังดูไว้ใจได้อย่าง ตูเร่ ผู้พี่ คอยแก้ขัดเวลาเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ หมายถึงเอาลงเล่นบอลถ้วย อีกคนที่ต้องซูฮกด้วยกันศักยหักหน้านักวิจารณ์หลายๆ คนได้ คือฟอร์มของ ซิมง มิโญเล่ต์ ด้วยการที่เพื่อนร่วมทัพหน้าเขา 10 คนปั้นให้ขนาดนี้ จากนั้นความมั่นใจคงมาเต็มเปี่ยม




เกมในนัดนี้พี่เจิดเป็นได้แค่ผู้ชมข้างสนามเท่านั้น


พร้อมกับนอกจากนี้ ตัวของบีร็อด ยังสติแตกถึงขั้นดรอป เจอร์ราร์ด ไว้ข้างสนาม ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประกาศอำลาทีมชาติเพื่อจะมาเล่น ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้สถิติเฉลี่ยออกมาจักดูเหมือนว่าเหล่าไม่มี กัปตันเจิด จะดูผลงานดีกว่าตอนมีอยู่ก็เถอะ มันก็เป็นตรรกะบางอย่างเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามสิสำคัญ มี เจิด ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกมั๊ย แฟนหงส์

แล้วคำถามหลังจากนี้คือ

  • ประการแรก พวกลิเวอร์พูล เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป. 
  • ประการที่สอง ซึ่งการที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ คนเดียว ทำให้คณะเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้เลยหรือไม่ก็. 
  • ประการที่สาม การที่เอานักเตะตัวหลักที่ฟอร์มไม่ดีไปพัก จะได้ผลในเกมกับ หมู่เชลซี หรือไม่ก็ไม่. 
  • ประการที่สี่ ในเกมนัดชี้ชะตากับ คณะบาเซิ่ล ในนัดสุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร. 
  • ประการที่ห้า ฝ่ายลิเวอร์พูล นั้นจักเข้ารอบ 16 กลุ่มสุดท้ายเหรอไม่. 
  • ประการที่หก แล้วแชมป์ลีกล่ะ. 
  • ประการที่เจ็ด ฝ่ายนั้นจะยังทำได้เบียดขึ้นไปลุ้นได้อยู่หรือว่าเปล่า.
  • ประการที่สุดท้าย และใครที่จักเข้ามาอุดรอยที่ ซัวเรซ ได้. 


ซึ่งคำถามตามมามากมากๆ

ในทุกสิ่งทุกอย่างจักได้คำตอบในไฮไลท์ฟุตบอลเร็ววันนี้ครับ แม้พวกเขายังจับปลาหลายๆ มืออยู่ เน้นทุกถ้วย ไม่ว่าจะ

  • ศึกเกมลีก
  • ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
  • ศึกแคปิตอล วัน คัพ 
  • ศึกเอฟเอ คัพ 

ซึ่งกำลังจะเตะปีหน้า นั่นจักทำให้พวกเขาพังแน่นอน ก็เพราะว่าหลายๆ พวกก็พังมาแล้ว จักมาหวังให้เป็นเหมือน กลุ่มปีศาจแดง ในปี 99 มันก็คนละยุคเวลากัน ฟุตบอลยุคนี้ทำแบบนั้นได้ยากแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเเลื่องกที่จะทิ้งอะไรสักอย่างไป อาจจะทำให้บางอย่างที่เขาถืออยู่ ได้ของที่ล้ำค่ามาก็เป็นได้

เพราะจักต้องมาพบเกมกับ ฝ่ายเชลซี วันเสาร์นี้ น่าจักทำให้เห็นอะไรได้หลายอย่างแล้ว เหตุด้วยแนวทางถัดจากนั้นของ ร็อดเจอร์ส

พร้อมด้วยท้ายนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ครับ พี่แกเป็นนักเตะจำพวกต้องโอ๋ อย่าไปจวกไปสับเขา แล้วเดี๋ยวจักเล่นดีเอง

พร้อมกับเหตุผลของการดรอป เจอร์ราร์ด มองในแง่ดี อาจจะทำให้เจ้าตัวแผลงฤทธิ์ในเกมวันเสาร์ กู้หน้าจากที่เคยลื่นทำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลุดมือปางปีที่แล้วก็เป็นได้

ซึ่งสมมติว่าจักมาปิดโอกาสการประสบความสำเร็จของ เหล่าลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ต้องสนทนาเลยว่าอย่าเพิ่งนะครับ เพราะว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคณะที่อันตราย แม้ช่วงนี้จักขาลง แต่ลงก็ต้องมีขึ้น อยู่ที่ว่าเขาจักเร่ำลือก วางธุระและจับอะไร แต่ถ้าจับไว้หมดล่ะก็