วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวสารฟุตบอลหัวมุมนี้แฟนผีขอบ่น! ว่าจักเจ็บไข้สิ่งไรกันยิ่งนัก?

มุมนี้แฟนผีขอบ่น! ว่าจักเจ็บอะไรกันนักหนา?




ถ้าจักให้พูดวิเคราะห์บอลกันตามตรงเลย ในเวลาปกติก็จักเบื่อเวลามีโปรแกรมคณะชาติ มาคั่นศึกฟุตบอลสโมสรจะตายอยู่ละ แต่ว่าในฐานะคนทำข่าวก็ต้องอดหลับอดนอนฝืนดูต่อจากนั้น แค่นั้นยังไม่พอนักเตะตัวหลักของพวกรักดันมาเจ็บอีก พูดได้คำเดียวครับว่า เซ็ง

ซึ่งเท่าที่ผมได้พูดคุยกับพี่ๆ ในที่ทำงานที่น่ารัก รวมถึงเพื่อนๆ ที่คลั่งไคล้ด้วยกันหลงไหลในกีฬาลูกหนังหลายๆ คน 100 ละ 90 ต่างก็จักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

  1. ศึกฟุตบอลพวกชาตินั้นไม่มีความสนุก
  2. ไม่มีความตื่นเต้นเลย 
  3. ไม่มีไรน่าลุ้น แถมน่าเบื่อซะด้วยซ้ำ 
  4. หวังดูฟุตบอลสโมสรศึกพรีเมียร์ลีกมากกว่า 


พร้อมด้วยผมก็เป็นคนส่วนใหญ่จำพวกนั้นด้วยเช่นเดียวกันครับ

ซึ่งต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ทั้งนี้เพราะในอาทิตย์ที่ทะลุทะลวงมา นั้นมันเป็นเกมพวกชาติ ฉะนั้นการคิดหัวข้อที่จะเขียนให้มันเข้ากับบรรยากาศกรุ๊ปชาตินี่มันลำบากเสียเหเอิกเกริกเกิน อีกอย่างผมก็เชื่อว่าท่านผู้อ่านก็คงไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่นักเช่นเดียวกัน ฉะนั้นวันนี้ ผมก็เลยขอใช้พื้นที่นี้เพื่อ บ่น ซะหน่อย

งั้นก็มาเกริ่นวิเคราะห์ผลบอลกันเลยดีกว่า ก็ไม่รู้ว่ามันจักเรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไปถึงไหนเพราะด้วยสโมสร พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งก่อนหน้าที่จักหยุดพบกับโปรแกรมบอลกรุ๊ปชาติ ก็มีตัวเจ็บ ตัวแบน บานตะไท ลิสต์ไล่ยาวเป็นหางว่าวอยู่แล้ว แต่หลังจากสร้างผ่านสุดสัปดาห์ที่ลอดมา ฝ่ายปีศาจแดง ต้องเสียผู้เล่นตัวหลักไปอีก 3 ราย

มาโหมโรงที่คนแรก ไมเคิ่ล คาร์ริค กองกลางตัวเก๋า ที่อุตส่าห์ถูกเรียกไปติดกลุ่มชาติอังกฤษ อีกครั้งนึง แต่แล้วก็ต้องมาดวงแตก ก็เพราะว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบระหว่างลงฝึกซ้อมกับทัพ คณะทรี ไลอ้อนส์ หลังลงไปวอร์มร่างกายสัมผัสพื้นหญ้าได้แค่ 20 นาทีเท่านั้น จนต้องขอถอนตัวจากการรับใช้บ้านเกิด ด้วยกันเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งนึงว่าจักต้องพักนานแค่ไหน




การที่จักกลับมาฟิตสมบูรณ์ เพื่อความหวังที่จักให้ใช้ประสบการณ์ประคองน้องๆ ดันมาเจ็บอีก เห็นแบบนี้แล้วก็ เครียด

ซึ่งสาวก ฝ่ายเร้ด อาร์มี่ หลายคนอาจจะแย้งว่า เฮียคาร์ริค นี่ถือว่าเป็นตัวหลักของทีมแล้วหรอ?

ถ้าจักดู สภาพกรุ๊ปช่วงนี้ ผมก็คงต้องบ่งบอกว่าใช่แน่นอนครับ โปรดอย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้กองหลังในทัพ พวกปีศาจแดง เนี่ย แทบไม่เหลือเลื่องให้ใช้งาน เพราะแต่ละคนโดนโรคเดี้ยงรุมเร้ากันเป็นแถบ

พร้อมด้วยรวมไปถึงมิดฟิลด์ในวัย 33 ปีรายนี้ ก็น่าจักเป็นตัวเระบือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดแล้ว เหรอคุณคิดว่านักเตะอย่าง ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ เหมาะสมมากกว่าเอ่ย?

คนถัดมานี้ก็ดูจะสำคัญมากซะด้วยสิด้วย ดาบิด เด เคอา นายด่านผู้ช่วยเซฟแต้มสำคัญให้กับ กลุ่มยูไนเต็ด ได้หลายต่อหลายครั้ง ในฤดูกาลนี้ ก็ดันไปเจ็บตอนเข้าแคมป์ฝึกซ้อมโปรแกรมฟุตบอลกับหมู่ชาติสเปน

เจ็บตรงไหนไม่เจ็บ ดันไปเจ็บที่อวัยวะที่ใช้ในการถ้าินของผู้รักษาประตูเพราะว่าตรงเลย ก็คือ นิ้ว.

ซึ่งเบื้องต้นถ้าจักวิเคราะห์ฟุตบอล ก็คาดว่าจะต้องพักถึง 4 สัปดาห์เลยทีเดียว พร้อมกับถ้าถ้าหากเป็นยิ่งนั้น หมู่อสูรแดง นั้นจะไม่มีน้องลามะเฝ้าเสาในเกมที่ต้องบุกไปเยือน คณะอาร์เซน่อล ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน รวมทั้งในนัดเปิดบ้านพบกับ คณะฮัลล์ ซิตี้ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พร้อมทั้ง หมู่สโต๊ค ซิตี้ ในวันที่ 2 ธันวาคม 57 นี้

พร้อมกับยังรวมไปถึงเกมที่โปรแกรมบอลต้องบุกไปเยือนกรุ๊ปฟอร์มแรงซึ่งเป็นรองจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้อย่าง กรุ๊ปเซาธ์แฮมป์ตัน อีกด้วย




มองเผินอาจจะไม่มีอะไรนะ แต่ผู้รักษาประตูมือเจ็บนี้คือสาหัสเลยนะ


ในส่วนของแผงหลังที่มีอยู่ ก็ยังเจ็บระนาวไม่หาย ยังไม่พอจอมหนึบตัวหลักก็เดี้ยงอีก แต่เดี๋ยวก่อน เพราะแฟน ทีมปีศาจแดง ต่างว่าคุณคิดว่านี่แย่แล้ว เรามีโปรโมชั่นพิเศษมอบให้คุณอีกครับ

พร้อมทั้งล่าสุด สดๆ ร้อนๆ ก่อนที่ผมจักตั้งต้นเขียนสกู๊ปนี้ กลุ่มชาติฮอลแลนด์ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเปิดบ้านยำสมันน้อยอย่าง กรุ๊ปชาติลัตเวีย ไปเบาะผลบอล 6-0 ประตู

ซึ่งแน่นอนว่าแฟนฝ่ายฟุตบอลชาวดัตซ์ รวมถึงแฟนบอลนักแทง ในบ้านเราก็คงจักพึงพอใจกับผลการแข่งขันดังกล่าว แต่หาใช่กับสาวก ฝ่ายปีศาจแดง เลย

เพราะว่า ตัวสำคัญอย่าง ดาลี่ย์ บลินด์ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้ง

  1. ตำแหน่งกองกลาง
  2. กองหลัง 
  3. แบ็กซ้าย 


นั้นต้องมาเข่าพัง พร้อมด้วยคาดว่าต้องพักถึง 4-6 อาทิตย์เลยทีเดียว!




รายนี้โดนที่หัวเข่าแถมไม่ได้เจ็บเบาๆ ด้วยนะ แต่มันเกือบ 2 เดือนเลยนะ


ซึ่งถ้าตัวเจ็บบานเบอะขนาดนี้ เตือนเลยว่าเครียดแทนการจัดทัพของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือที่มาดนิ่งที่สุดในปีนี้เลย

กับก่อนที่จักเครียดแทน เฮีย เรามาทบทวนกันอีกรอบดีไหมเด็กๆ ว่าพวกปีศาจแดง ของเรามีใครเข้าโรงหมออยู่บ้าง ก่อนอื่นเอา 3 คนด้านบน ทดไว้ในใจก่อนนะครับ

กับนี่คือลิสต์บัญชีชื่อแข้งเดี้ยงของ ฝ่ายยูไนเต็ด ก่อนโปรแกรมพวกชาติโดยเรียงจาก



ชื่อ - ส่วนที่เจ็บ - วันที่น่าจะกลับมาลงฝึกซ้อมได้


1.มาร์กอส โรโฮ - ไหล่ - 8 ธันวาคม 2014




2.ราฟาเอล ดา ซิลวา - กล้ามเนื้อ - 22 พฤศจิกายน 2014




3.แอชลี่ย์ ยัง - ขาหนีบ/สะโพก - ไม่ทำเป็นระบุได้




4.ฟิล โจนส์ - น่อง - 22 พฤศจิกายน 2014




5.ราดาเมล ฟัลเกา - น่อง - 22 พฤศจิกายน 2014




6.จอห์นนี่ อีแวนส์ - ข้อเท้า - 22 พฤศจิกายน 2014




7.เจสซี่ ลินการ์ด - เข่า - 29 พฤศจิกายน 2014



โดยจากที่สรุปมีทั้งสิ้น 7 คน บวกอีก 3 คน ด้านบนนู้นน ที่เพิ่งจะลากกระเป๋าเข้าโรงพยาบาลแห่งความฝัน รวมเป็น 10 ราย เกือบจักจัดได้ทีมนึงเลยนะเนี่ย

พร้อมด้วยไหนๆ ฟ้าก็กลั่นแกล้งขนาดนี้แล้ว ผมขอท้าให้เอาตัว อัดนาน ยานาไซ ไปอยู่ที่โรงหมอด้วยอีกรายเลยได้มั้ย จะได้ครบ 11 คนพอดี

เดินทางมาถึงสุดท้ายนี้ ก็อย่าลืมด้วยนะครับว่า โปรแกรมเหล่าชาติยังมีกลางอาทิตย์นี้ด้วยเห้อออ

ในช่วงเวลานี้ผมก็ต้องยกมือไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วละครับว่า อย่าได้ให้ใครเจ็บเพิ่มเติมอีกเลย ที่มีอยู่นี่ก็จักไม่เหลือลายผลฟุตบอลแชมป์ลีก 20 กาลสมัยอยู่แล้ว สาธุๆ


เอร์เรร่านั้นเตรียมโบกมือลาฝ่ายผีแดง ในสิ้นปีนี้




ทางด้านของ อังเดร เอร์เรร่า นักเตะในวัย 25 ปี ที่เพิ่งยักย้ายถ่ายเทออกจาก พวกแอธเลติก บิลเบา เพื่อมาซบที่ถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ด้วยค่าตัวสูงถึง 24 ล้านปอนด์ แรกริเริ่มเหมือนจักไปได้สวยภายใต้บังเหียน หลุยส์ ฟาน ฮาล กุนซือแดนกังหันลม แต่ผลงานระยะหลังดร็อปลงไปจนหลุดตำแหน่งตัวแท้จริงในบางนัด แถมยังไม่ได้รับการการันตีใดๆ อีกแล้ว

จนถึงกระทั่งสื่อ ฟิกาเฆส สำนักข่าวชื่อดังแห่งแดนกระทิงดุได้อ้างว่า เอร์เรร่า หวั่นวิตกจะเอาอนาคตมาทิ้งบนเกาะอังกฤษ จึงมองความเป็นไปได้ที่ว่าจักเก็บข้าวของออกจากเมืองแมนเชสเตอร์ ในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบสอง ในเดือนมกราคม ปี 2015 เพราะว่าพร้อมจักกลับคืนสู่ลา ลีกา อีกครั้ง

ซึ่งทางด้าน ฟาน ฮาล บิ๊กบอสพร้อมจัก ปลงกองกลางสแปนิชอยู่เหมือนกันยอมหั่นค่าเหเลื่องแค่ 19 ล้านปอนด์ เพื่อขายสะดวกโยธินยิ่งขึ้นเพราะว่าหวังนำรายได้ดังกล่าวมาจัดซื้อเซนเตอร์ฮาล์ฟดี ๆ สักราย เข้ามาแก้จุดอ่อนในแผงหลัง เพื่อเป้าหมายติดท็อปโฟร์คว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฟุตบอลมาริมองเบิ่งกบิลที่ใช่ข้างในกมล หลุยส์ฟานกัล

มาดูระบบที่ใช่ในใจ หลุยส์ฟานกัล




วิเคราะห์ผลบอล: หลังจากที่ผลงานของทัพ ทีมปีศาจแดง ครั้งสุดสัปดาห์ที่ข้ามมา นั้นคือการเปิดบ้านเฉือนชนะ กลุ่มคริสตัล พาเลซ ไปด้วยผลบอล 1 - 0 ซึ่งนั้นอาจดูไม่ใช่ผลงานที่น่าพอใจนักเพราะแฟนบอลสักเท่าไหร่ แต่นี่เป็น 3 แต้มที่ทุกคนยอมรับได้เป็นแน่แท้ๆ ว่าล้ำค่าเหฟุ้งเฟื่องเกินเหตุด้วยเวลาช่วงนี้ เพราะว่ามันทำให้เราขึ้นไปอยู่ถึงอันดับ 7 ของตารางเลยทีเดียว

กับก่อนที่ กรุ๊ปปีศาจแดง นั้นจะกรีฑาทัพลงสนามในแต่ละเกมนอกจากจักสร้างความลำบากใจในการทำงานให้กับผู้จัดการเหล่า หลุยส์ ฟาน กัล แล้ว ก็ยังสร้างความอึดอัดใจให้กับแฟนบอลอย่างเราๆ ที่ต้องมาเกร็งตลอด 90 นาทีก็ว่าได้

เนื่องด้วยแนวรุกที่ดีที่เป็นแถวหน้าของโลก แต่ตีบตันในหนทางในการส่งลูกไปกองก้นตาข่าย กับแนวรับที่เปื่อยยุ่ยยิ่งกว่ากระดาษทิชชู่ พร้อมเสียประตูได้ในทุกนาทีไม่ว่าคู่แข่งจะเก่งไม่ก็อ่อนแค่ไหนก็ตาม ไม่เช่นเท่านั้น ยังโดนปัญหาอาการบาดเจ็บเข้าโถมจนแทบจะพิกลพิการ ด้วยกันบวกกับเรื่องนักเตะสมองลิงที่โดนไล่ออกไปแบบโง่ๆ จนตัวเลือกระฉ่อนกน้อยลง นัดที่เจอกับหมู่ส่วนล่างของตารางอย่าง ฝ่ายคริสตัล พาเลซ ทำให้หน้ากลัวไม่ต่างการเจอกับพวกท็อปโฟร์




ภาพนี้นี่คือแผนแรกที่ฟานกัลใช้เอาฤกษ์ทัวร์อเมริกา

ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา หลุยส์ ฟาน กัล นั้นได้เปลี่ยนแปลงฝ่ายจากเดิมไปมากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวผู้เล่น ที่เติมนักเตะฟุตบอลระดับโลกเข้ามา โละแข้งที่ไร้ประโยชน์ออกไป เปลี่ยนแปลงทีมงานเป็นคนที่ตนไว้ใจ แต่ยังคงเก็บคนเก่าแก่ที่รู้งานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ เอาไว้ จัดการแต่งตั้งกัปตันกรุ๊ปคนใหม่เป็นคนที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในคณะชุดนี้ พร้อมด้วยที่สำคัญปรับปรุงระบบการเล่นให้เหมาะสมกับหมู่มากที่สุด

พร้อมทั้งข้อสุดท้ายนี่แหละที่ยากเย็นเข็ญใจเสียเหเล่าลือเกิน ก็เพราะว่าทุกวันนี้ ตัวหลุยส์ ของเรา เองก็ยังคงยอมรับว่าตนเองก็ยังตามหาแผนการเล่นที่ใช่ของ กรุ๊ปปีศาจแดง ถัด ถึงแม้ว่าจะเข้ามาคุมพวกเป็นเวลาเกือบครึ่งซีซั่นไปแล้วก็ตาม จากการเปลี่ยนแปลงกรุ๊ปที่พังพินาศพอซีซั่นก่อน

ที่เริ่มทำต้นด้วยการซ่อมด้วยการเติมอะไหล่ดีๆ เข้าไป จักเป็นต้องหาวิธีการทำงานให้ของเหล่านั้นทำงานไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูแล้วน่าจะเป็นงานหนักพอควร พร้อมทั้งคงไม่ใช่ในเวลาอันสั้นแน่นอน แต่ก็ไม่ควรจบฤดูกาลมือเปล่าแบบซีซั่นที่แล้ว




ภาพระบบที่ฟานกัลปรับเปลี่ยนใช้งานช่วงทดลองพวก

เนื่องด้วยแผนการแรกที่บรรจงวางเป็นระบบของหมู่ในศึก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ คือแผนการเล่นที่ประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งในการพาหมู่ชาติ ฮอลแลนด์ ของตนประกาศศักดาคว้าอันดับ 3 ของโลกได้ในการละเลงแข้ง เวิลด์คัพ ครั้งล่าสุดที่ดินแดนแซมบ้า


  • ซึ่งนั่นก็คือ 3-5-2 ที่เซ็นเตอร์ 3 คนที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากมายแต่มีความเข้าอกเข้าใจ การอ่านเกม การประสานงาน กับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม 
  • ส่วนมิดฟิลด์ที่เปลี่ยนบอลได้ดี วิงแบ็กที่เติมเกมรุกได้สูงด้วยกันวิ่งกลับได้ทัน พร้อมทั้งเปิดบอลได้แม่นยำ บวกกับสองหัวหอกที่เปลี่ยนบอลให้กันได้ดีกับมีความเร็วเป็นหลัก 
  • ทำให้ระบบนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับทีมในช่วง ปรี - ซีซั่น ที่สหรัฐอเมริกา พาเหล่าชนะได้หลายนัด พร้อมเกมรุกที่น่าตื่นตา แต่พอมาใช้นักในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรก ก็ประเดิมด้วยการพ่ายคาบ้านต่อ หมู่สวอนซี ซิตี้ เป็นครั้งแรกในประวัติบุคคลศาสตร์


และด้วยตัวผู้เล่นที่ไม่พร้อม แนวรับที่ไม่เข้าขากัน กับขาดประสบการณ์ แต่ทุกคนยังเชื่อในระบบ แต่กับอีก 3 เกมถัดมา 3-5-2 ก็ยังคงไม่อาจนำพาชัยชนะมาสู่ฝ่ายได้ แถมยังตกรอบ แคปิตอล วัน คัพ ด้วยการพ่ายพวกรองบ่อนอย่าง พวกเอ็มเค ดอนส์

ซึ่งผลสุดท้ายการที่ได้ มาร์กอส โรโฮ เข้ามามีรายชื่อในเหล่า พร้อมทั้งการที่หมู่มีหัวหอกระดับโลกอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา ทำให้ ฟาน กัล เลิกดื้อแพ่ง พร้อมด้วยปรับระบบมาเป็น 4-4-2 ไดมอนด์ ใช่ไหมแบบที่เราเรียกว่าเหลี่ยมเพชร ที่เปิดที่บังตาต้นได้อย่างงดงามที่การไล่ยำ ฝ่ายควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ได้ถึง 4-0 เหมือนที่ควรจะเป็นไปตามฟอร์มของคณะ

เพราะการเริ่มต้นสวยงาม แต่เกมต่อมากลับมาสวยด้วย เพราะลูกหมู่ซาตานกลับบุกไปปราชัยพวกน้องใหม่อย่าง กลุ่มเลสเตอร์ ซิตี้ ผลบอล 5-3 ทั้งที่ออกนำไปก่อนถึง 3-1 แต่ด้วยความย่ำแย่แบบไม่น่าให้อภัยของแนวรับ ทำให้เหล่าต้องเสียประตูง่ายๆ แบบไม่น่าให้อภัยเช่นกัน นัดต่อมาก็กู้หน้าได้อีกครั้ง ด้วยการชนะ เหล่าเวสต์แฮม 2-1 ในโรงละครแห่งความฝัน แต่ก็ต้องสังเวยด้วยใบแดงของกัปตันฝ่าย เวย์น รูนีย์




ภาพแท็กติก 11 ผู้เล่นตัวสุทธิในฝันของสาวก เหล่าปีศาจแดง

ในเกมต่อมาระบบยังคงเดิม ทำให้เอาชนะ ฝ่ายเอฟเวอร์ตัน ได้ต่อไป แต่ก็ยังมีปัญาหานักเตะบาดเจ็บตามมา ซึ่งตอนนั้นคือ ราดาเมล ฟัลเกา ที่บุกเบิกปรับตัวเข้ากับฝ่ายได้บ้าง นั่นทำให้ ฟาน กัล ต้องปรับระบบอีกครั้งด้วยกันคราวนี้ปรับมายืนเป็น 4-2-3-1 ยอดนิยม

พร้อมกับยังทำได้ปรับเป็น 4-1-4-1 ได้ เพราะมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ลูกรักยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า และตามมาด้วยการย่ำแย่ลงของพิษสงในแนวรุกของหมู่ รวมไปถึงการแจ้งเกิดของลูกรักคนที่สอง อัดนาน ยานาไซ เด็กคนนี้อาจมีอนาคตแน่แท้ แต่ดูจักยังไม่ใช่ในเวลานี้

เพราะระบบนี้ไม่เอื้อให้ เหล่าปีศาจแดง ในการทำเกมรุกได้หลากหลายเหมือนระบบเหลี่ยมเพชร แต่เกมรับดูจักเหนียวขึ้น ไม่รู้ว่านั่นก็เพราะว่าการขาด ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ ไปเหรอเปล่า ซึ่งในเกมที่เจอกับ พวกเวสต์บรอมวิช ก็เสมอ กลับมาเล่นในบ้านเจอ กรุ๊ปเชลซี ก็เสมอแบบฉิวเฉียด การออกไปเยือน หมู่แมนฯ ซิตี้ ก็เจอหายนะอีกครั้ง ตราบใด คริส สมอลลิ่ง โดนใบแดง พร้อมการบาดเจ็บของ มาร์กอส โรโฮ ซึ่งการกลับมาจากโทษแบนของ เวย์น รูนีย์ ในเกมนี้ก็ไม่ช่วยอะไร หมู่ยังคงปราชัยหลังจากนั้น

ด้วยกันเดินทางมาจนถึงนัดล่าสุดกับ ทีมพาเลซ ระบบนี้ยังถูกนำมาใช้ ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเพราะว่า ฟาน กัล ต้องการความต่อเนื่องของตัวผู้เล่น ทำให้ลูกรัก ยานาไซ ยังได้ลงต่อเนื่อง สุดท้ายแม้จักชนะ แต่กุนซือชาวดัตช์น่าจะรู้แล้วว่า ระบบนี้ก็ยังไม่ใช่ เช่นกัน

เพราะในโปรแกรมบอลนัดหน้าคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เพื่อรองรับนักเตะที่จักกลับมาจากการบาดเจ็บ พร้อมกับต้องให้โอกาสบางคนที่ฟอร์มดีกว่าลงเล่น โชคดีที่มีเบรคทีมชาติให้พักหายใจเกือบ 2 อาทิตย์เต็ม แต่ หลุยส์ ฟาน กัล คงไม่ได้หยุดคงมีการบ้านเป็นกองภูเขาให้รับมือกันถัดจาก ซึ่งแฟนบอลอย่างเราๆ ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่หวังว่าจะดีขึ้นเท่านั้น


วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผลบอล: แฟนบอล ยานาไซ อย่าอ่านนะ?

แฟนบอล ยานาไซ อย่าอ่านนะ?




เพื่อ 3 คะแนนสำคัญของ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากการคว้าชัยเหนือทีมรองบ่อนอย่าง ฝ่ายคริสตัล พาเลซ 1 - 0 เท่าที่สุดสัปดาห์ที่ทะลุมา คงจักไม่เกิดขึ้นแน่ๆ หากอดีตดาวรุ่งที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงครั้งช่วงต้นซีซั่นที่แล้วนามว่า อัดนาน ยานาไซ โลดแล่นอยู่ในสนามครบ 90 นาที

ซึ่งในนัดนี้ได้รับเสียงด่าอย่างมากโข เพราะว่าการวิเคราะห์ผลฟุตบอลฟอร์มการเล่นอันสุดแสนจะห่วยแตกของ อัดนาน ยานาไซ ในฤดูกาลนี้ ไม่ใช่หรือถ้าจะให้พูดสุทธิๆ ก็น่าจะเป็นมาตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วละ ถ้าท่านผู้อ่านได้เคยติดตามงานเขียนของผมมาก่อน ก็คงจะทราบดีว่าผมนั้นเป็นแฟนบอล กรุ๊ปปีศาจแดง แบบสุดลิ่มทิ่มประตูคนนึงเลยหละ ฉะนั้นการที่จักให้มาเขียนสกู๊ป ตำหนิติติงนักเตะคณะโปรดของตัวเอง บางพวกันก็ทำยากอยู่นะ แต่วันนี้มันถึงจุดแล้วยิ่ง ๆ




ภาพห่วยจนถูกหนังสือ Deviemag จับมาล้อ จาก Devilmag.com


พร้อมทั้งความแท้จริงแล้วผมใคร่ได้จักเขียนถึงข่าวแมนยู ตัว ยานาไซ มาตั้งแต่ 2 - 3 เกมก่อนหน้านี้แล้วนะ แต่ก็คิดว่าอะ ลองให้โอกาสมันดูอีกสักหน่อยละกันวะ อีกอย่างตอนนั้นสาวกผู้คลั่งไคล้ในตัวของดาวเตะหน้าหล่อรายนี้ หรือไม่ก็ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ติ่ง ก็ยังค่อนข้างอื้ออยู่ ฉะนั้นโอกาสที่ผมจักโดนติ่งเหล่านั้นรุมโทรมด้วยคำหยาบคายมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ซึ่งผมจึงเเอิกเกริกกที่จะเลี่ยงไปก่อน แต่ครั้นเมื่อกาลเวลาเปลี่ยน ติ่ง ทั้งหลายก็เริ่มทำได้เห็นธาตุแท้ของไอหนูขี้เก๊กรายนี้ ชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ จากที่เคยหลง ก็เหฟุ้งเฟื่องแค่รัก จากที่เคยรัก ก็เหโจษแค่ชอบ จากที่เคยชอบ กลับกลายเป็นเฉยๆ จนทุกวันนี้บางคนเกลียดแล้วด้วยซ้ำ

ก็เพราะว่าเหตุนี้ วันนี้ผมขอพูดถึงจอมเลี้ยงร่างอ้อนแอ้นสักหน่อยเถอะ มันอดรนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะว่าฟอร์มการเล่นแบบฉายเดี่ยว กรูเก่งคนเดียว ไม่คิดจักส่งให้ใคร ยิงทิ้งยิงขว้าง ยึกๆ ยักๆ เล่นมากจังหวะ ทำลูกง่ายให้เป็นลูกยาก ลากถึงเส้นหลังแล้วไม่เปิด แต่เจือกล็อกกลับหลัง พร้อมทั้งจบด้วยการยึกๆ ยักๆ พร้อมทั้งอีกหลากหลายร้อยสิ่งที่เขาทำให้เกมรุกของ คณะปีศาจแดง นั้นเพลาฤทธิ์เดชลงไป

พร้อมกับผมก็มั่นใจอีกว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็น ประชาชนทนไม่ไหว ที่ต้องขออกมาต่อต้านการส่ง ยานาไซ ลงเล่นเป็นตัวยิ่ง เพราะเท่าที่ตามอ่านความคิดเห็นของเหล่าบรรดาสาวก คณะอสูรแดง ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะทั้ง

  1. ทาง เฟสบุ๊ก
  2. ทาง ทวิตเตอร์
  3. ทาง อินสตราแกรม 
  4. ทาง กระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ 


ซึ่งแฟนผีร้อยละ 80 ต่างก็ออกมาด่า ยานาไซ ซะเละเทะไม่มีชิ้นดี




ภาพจาก Devilmag ขอขอบคุณภาพจาก Devilmag.com

ซึงเพราะติ่งของ ยานาไซ บางท่านอาจจะอ้างว่า โหยย ก็คนไทยมันขึ้นชื่อเรื่อง เกรียนคีย์บอร์ด อยู่แล้วนี่หว่า มันก็ต้องด่ากันอยู่แล้ว ผมจะชี้แจงว่าที่อังกฤษเอง เขาก็คิดกันอย่างนี้ครับ ขนาดสาวกอสูรวัยขบเผาะนามว่า ชาร์ลี ยังต่อว่าปีกจอมยึกยักรายนี้เลยครับ ถ้าไม่เชื่อ ผมมีคลิปมาให้ดู



จะรู้สึกอายเด็กมันบ้างไหมนะ

ซึ่งเจ้าหนูน้อยชาร์ลีผู้น่ารักได้ให้สัมภาษณ์ถึงชัยชนะที่ พวกปีศาจแดง นั้นมีเหนือ พวกปราสาทเรือนแก้วผลบอล 1 - 0 ว่า 3 คะแนนในวันนี้สำคัญต่อคณะอย่างมาก แต่เกมของเรายังค่อนข้างช้าอยู่ โดยเฉพาะ ยานาไซ เขาเล่นบอลได้ช้ามาก ทำเกมเสียจังหวะตลอด เขาคือจุดอ่อนของหมู่ กับก่อนที่ ชาร์ลี จักไปวิพากษ์วิจารณ์ อังเคล ดิ มาเรีย กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ต่อ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นของเราแล้วหละ 5555

ก็ได้เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็นึกได้คุ้นๆ เหมือนกับว่า ผมเคยเขียนเรื่องราวของเขามาแล้วทีนึง ตอนช่วงต้นฤดูกาล เวลาที่เพิ่งจะได้รับเสื้อหมายเลข 11 เลยลองกลับไปขุดหาดู ปรากฏว่า เห้ย จริงๆ ด้วยตอนนั้นผมเขียนไว้ ว่าด้วยเรื่องของ ชื่อชั้นที่ยังไม่สมควรจะมาใส่เบอร์ 11 ต่อจาก แข้งระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ เพราะมันจะทำให้เด็กหนุ่มวัยแค่ 19 ปี ต้องแบกรับความกดดันไว้มหาศาลนั่นเอง กับดูเหมือนว่าปัจจุบันนี้ สิ่งที่ผมคิดไว้ในตอนนั้นมันจะถูกต้องเสียด้วย

ด้วยกันนอกจากนี้ในบทความนั้น มีใจความท่อนนึงผมเขียนไว้ว่า ผมรู้สึกว่า ยานาไซ ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่กลับถูกมองว่าเก่ง พร้อมกับให้ราคาจนเกินตัวไปมากมายก่ายกองมาก สิ่งที่ผมจักพูดถัดไปอาจทำร้ายจิตใจแฟนผี แต่โปรดยอมรับเถอะครับว่า ราฮีม สเตอร์ริ่ง ปีกกึ่งกองหน้าของ หมู่หงส์แดง ลิเวอร์พูล คู่กัดตลอดกาลของ คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกดันขึ้นมาสู่ฝ่ายชุดใหญ่พร้อมๆ กับ ยานาไซ มีการพัฒนาที่มากกว่า กับดูดีมีอนาคตกว่าแยะ

ซึ่งถ้าถ้าหากใครจักหมายว่าผมอคติกับดาวรุ่งขวัญใจแฟนผีรายนี้ ผมก็คงต้องขอน้อมรับไว้ แต่ผมคิดว่าฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวก็น่าจักตอบโจทย์ทุกอย่างได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นมากจังหวะ การหวงบอล การยิงโดยไม่หวังผล ซึ่งถ้าหาก ยานาไซ ไม่ยอมปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง อนาคตคงก้าวจากนั้นลำยากแน่ๆ

ถ้าจักนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก สร้างผ่านไปแล้วอีก 10 นัด ความคิดของผมที่มีต่อ ยานาไซ ก็ยังคงเดิม แถมขอยอมรับตรงๆ ด้วยเลยว่า เริ่มทำจะมีความเกลียดเข้ามาเจือปนแล้วด้วยซ้ำ





ภาพเกมแรกในกรุ๊ปชุดใหญ่ อย่างไม่เป็นทางการ ของ ยานาไซ ก็คือการมาโชว์ความพริ้วที่แดนสยามนี่เอง

ซึ่งถ้าแม้ ลองย้อนกลับไปตราบใดฤดูกาลที่แล้ว ยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักมากนัก เจ้าตัวได้รับโอกาสให้ลงเล่นในช่วง พรี - ซีซั่น พร้อมกับก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว รวมถึงได้ลงเล่นในการมาทัวร์เมืองไทยด้วย เกมนั้นเล่นดีมากๆ ส่วนเกมที่ได้ลงสนามในหมู่ชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเลยก็คือการลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ แอชลี่ย์ ยัง ในนาทีที่ 68 เกมนั้นพลพรรค กลุ่มเร้ด เดวิลส์ ได้เอาชนะ พวกคริสตัล พาเลซ ไปได้ 2-0 กับเจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้ไม่เลว

และภายหลังนั้น เกมที่ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดให้ ยานาไซ อย่างเต็มตัวก็มาถึง ครั้นเมื่อเขาถูก เดวิด มอยส์ ส่งลงเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมที่พบกับ ทีมซันเดอร์แลนด์ เพราะว่าเจ้าตัวเหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างปาฏิหาริย์พลิกนรกจากที่ตามหลังอยู่ 1 - 0 กลับมาชนะได้ 2 - 1 และภายหลังเกมนั้นเองผู้คนทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญเขา สื่อหลายสำนักรุมสัมภาษณ์ สโมสรยักษ์ใหญ่ตั้งต้นตามจีบ พร้อมด้วยหลายคนอาจมองว่าเป็นเกมแจ้งเกิด แต่เนื่องด้วยผมมันคือจุดที่ทำให้วัยรุ่นคนนี้ สมาธิแตกกระเจิงเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกุนซือจอมเฮี้ยบอย่างโค้ช เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสียด้วย




คลิปเกมแจ้งเกิดของตัว ยานาไซ

ซึ่งไม่กี่วันถัดมาโปรแกรมบอล ภายหลังเกมดังกล่าวด้านบน กลุ่มปีศาจแดง ก็จัดการมอบสบถสาบานฉบับใหม่ระยะยาวถึง 5 ปี พร้อมค่าจ้างสูงถึง 60,000 ปอนด์ไม่ก็คาดว่า 3 ล้านบาท ต่อสัปดาห์ พร้อมเงินกินเปล่าค่าเซ็นให้คำมั่นที่เด็กอายุ 18 ปีจักได้เอาไปใช้ฟรีๆ อีก 5 ล้านปอนด์ไม่ก็ราวๆ 250 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีวัยกะเตาะเท่าชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

พร้อมด้วยผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่า มีใครได้สังเกตุเหมือนผมหรือไม่ว่า ตั้งแต่ อัดนาน สะบัดน้ำหมึกพร้อมรับค่าเหนื่อยมหาศาล เจ้าตัวก็เปลี่ยนไป ทั้งการแต่งตัว การวางตัว รวมถึงฟอร์มการเล่นในสนามบอล


พูดแบบไม่อ้อมเลยก็คือ ขี้เก๊ก ขี้แอ็ค ขี้เลี้ยง กว่าเดิมเพียบมากๆ เลย พร้อมทั้งอย่างที่กราบทูลละครับ พอมาในฤดูกาลนี้ เขาได้สวมเบอร์ 11 อีกด้วย ผมคิดว่าทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งมีความสำคัญกับทีม บวกกับแรงกดดัน ฟอร์มมันถึงออกมาได้ห่วยแตกแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแบบนี้นี่ละครับ แถวบ้านผมเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า ทองลอก ครับ ความหมายก็คือคนที่ดี นานวันไปก็กลับกลายเป็นคนเลว อะไรประมาณนั้น แต่ในกรณีนี้ ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า มันเคยมี ทอง อยู่ในตัวเจ้าเด็กนี่มาก่อนใช่ไหมเปล่าด้วยซ้ำ




ภาพเซ็นรับปากยิ้มแป้น รับทรัพย์กับเงินก้อนโต

ซึ่งอีกประเด็นนึงที่ต้องประสงค์จักเขียนถึงแต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวยาวก็คือ มีหลายคน ย้ำเตือนว่า ให้ดู โรนัลโด้ ตอนมาใหม่ๆ สิ มันก็ขี้เลี้ยงอย่างนี้แหละ เดี๋ยวสักวัน ยานาไซ ก็อาจจะเป็นถึงระดับโด้ได้บ้าง โอ้ยยย แน่นอนครับที่ตอนนั้น เจ็ทโด้ มันขี้เลี้ยง แต่ขอโทษ ทรงมันดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ทำไมไม่ลองไปเทียบพวกขี้เลี้ยงแบบ นานี่ เบเบ้ ดูบ้างละครับ?

ด้วยกันผมขอพูดตรงนี้เลยว่าตัวของ ยานาไซ ไม่มีทางเหมือน โรนัลโด้ แค่ใกล้เคียงยังไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ ผมรับประกัน

สิ่งสุดท้ายนี้ แม้ว่า ยานาไซ จะเป็นคนที่ผมชอบน้อยที่สุด ในเหล่า ณ เวลานี้ แต่ในฐานะที่ผมคือสาวก ฝ่ายปีศาจแดง ฉะนั้นตราบใดที่แข้งวัยกะเตาะรายนี้ยังคงอยู่ในพวก เราก็คือสายเโจษดเดียวกัน ผมก็ขอเอาใจช่วยให้ปีกกลุ่มชาติเบลเยี่ยม ก้าวข้ามความกดดันในการสวมเสื้อเบอร์ 11 ต่อจากตำนาน ปีกขนดก ไปให้ได้

พร้อมด้วยรวมถึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเล่น และเร่งพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้นกว่าเดิมในตารางพรีเมียร์ลีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ หลุยส์ ฟาน กัล ช่วยอย่าส่งมันลงตัวแน่ๆบ่อยนักได้มั้ยวะ จับมันดองข้างสนาม พร้อมๆ กับลูกรักของคุณอย่าง ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยก็จักดีมาก

ชิน ชินพัฒน์

เขียนเพราะ : Giggsmanu11

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฟุตบอลเอื้อนได้ว่าแปรไปหมายความว่าหนังคนละขอดเพราะด้วยศึกพรีเมียร์ลีก

เรียกได้ว่ากลายเป็นหนังคนละม้วน




เมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกถือว่าตื่นเต้นและคู่คี่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมา ชนิดที่ว่ากว่าจะเหลือแคนดิเดตสองทีมที่ได้ชิงดำกันจริงๆ ก็แทบจะไม่กี่นัดสุดท้ายแล้ว

แต่ว่าการวางมือของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบฤดูกาล 2012 - 2013 ได้สร้างแรงกระเพื่อมระลอกใหญ่ต่อโฉมหน้าของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว

ซึ่งในระหว่างฤดูกาลที่แล้ว สำหรับตำแหน่งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกมีการเปลี่ยนมือถึง 25 ครั้ง เมื่อเทียบกับแค่ 4 ครั้ง ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น และถือเป็นการเปลี่ยนทีมนำบนหัวตารางมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของรายการ รองจาก 29 ครั้งในฤดูกาล 2001 - 2002

โดยหลังจากที่หมดยุคของ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ โค้ชอย่างเฟอร์กี้ เดวิด มอยส์ และไม่สามารถประคับประคองทีมชุดแชมป์ให้คงผลงานเอาไว้ได้ ผลก็คือปิศาจแดงทำผลงานกระท่อนกระแท่น จนกลายเป็นทีมที่หมดลุ้นแชมป์ไปอย่างรวดเร็ว

ซึ่งนั่นเท่ากับทำทีมลุ้นแชมป์ทีมอื่นๆ หมดคู่แข่งไปหนึ่ง และเป็น ทีมอาร์เซนอลที่เริ่มออกตัวได้แรงกว่าใครในโค้งแรก ถือเป็นปีที่ปืนใหญ่ยืนระยะรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีเอาไว้ได้ยาวนานกว่าที่เคย แต่สุดท้ายอาร์แซน เวนเกอร์ก็รับมือกับปัญหานักเตะตัวหลักๆ เจ็บ และผลงานที่ดร็อปลง ในที่สุดไม่ไหว จนต้องกลับมาลุ้นท็อปโฟร์เหมือนเคยเมื่อผ่านเข้าผ่านสู่ช่วงควอเตอร์สุดท้ายของฤดูกาล




สำหรับทีมเชลซีที่ได้โค้ชอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ นั้นกลับมาคุมทีมอีกครั้ง ตั้งความหวังไว้สูงเช่นกัน และยอดกุนซือแสบก็นำทีมสร้างผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาที่สุดทีมหนึ่งในปีที่แล้ว เพราะป้วนเปี้ยนอยู่ระหว่างอันดับ 1 - 4 ถึง 37 จาก 38 นัด แต่แม้จะเบียดขึ้นมาครองจ่าฝูงได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และ เดือนมีนาคม

เพียงแต่ว่าการกาวิเคราะห์ผลบอลสะดุดแพ้ถึง 3 จาก 6 นัดในช่วงโค้งสุดท้าย ก็ทำให้ ทีมสิงห์ครามหลุดวงโคจรไป

ตามมาด้วยทีมลิเวอร์พูล ที่ได้กลายเป็นทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้มากที่สุด เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ระเบิดฟอร์มออกมาอย่างพีกสุดๆ ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ก็โชว์ฟอร์มกันได้อย่างดี ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นำทีมลุ้นแชมป์ได้อย่างเต็มตัว หลังจากไม่ได้อยู่ตรงจุดนี้มานานหลายปี

ซึ่งการที่ชนะ 11 นัดรวด ในระหว่างนัดที่ 25 - 35 ของฤดูกาล ทำให้ทีมหงส์แดงกุมความได้เปรียบเอาไว้ในมือ ก่อนที่การลื่นแห่งฤดูกาลของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในเกมกับ ทีมเชลซี จะกลายเป็นจุดพลิกผันขึ้นในที่สุด



ตามมาด้วยทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ค่อยๆ ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะได้ขึ้นไปแตะจ่าฝูงแค่ไม่กี่นัดก่อนหน้านั้น ก็ได้กลายเป็นตาอยู่หยิบชิ้นปลามันไปกิน จากการชนะรวดใน 5 นัดสุดท้าย และการขึ้นนั่งจ่าฝูงเพียงแค่ 3 เกมหลังสุด ก็เพียงพอสำหรับ ที่ทีมเรือใบสีฟ้าที่จะแล่นเข้าสู่เส้นชัย ปล่อยให้หงส์แดงต้องชอกช้ำ เพราะดันไปเสมอ ทีมคริสตัล พาเลซ 3-3 ในนัดรองสุดท้าย ทั้งที่นำห่าง 3-0 ก่อน

และฤดูกาลนี้หลายคนวาดภาพว่าการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ฟุตบอลคงจะสนุกตื่นเต้นและเร้าใจไม่แพ้ปีก่อน เพราะแต่ละทีมน่าจะมาปล่อยของกันเต็มที่กว่าเดิม และ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะกลับมาร่วมวงได้ หลังจากได้กุนซือมือดีอย่าง หลุยส์ ฟาน ฮัล เข้ามากอบกู้

โดยที่โค้ช มานูเอล เปเญกรินี่ ที่พา ทีมแมนฯ ซิตี้คว้าดับเบิ้ลแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีกคัพตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีม คงจะมีดีอะไรมาโชว์ให้เห็นกันอีก ส่วน ทีมอาร์เซนอล ที่ปลดล็อกแชมป์แรกในรอบ 9 ปีได้ ก็คงจะมั่นใจมากขึ้นในการกลับมาแก้มือในปีนี้

ซึ่งทีมลิเวอร์พูล ดูจะต้องลุ้นมากกว่าเพื่อนเพราะเสียหัวใจหลักของทีมอย่างซัวเรซไป แต่ผลงานของร็อดเจอร์สที่ทำไว้ในปีก่อนจนได้รับคำชมอย่างมาก ก็น่าจะทำให้ ทีมหงส์แดงสานต่อฟอร์มที่ดีเอาไว้ได้

ซึ่งทีมที่รอเสียบเข้าท็อปโฟร์อย่าง ทีมสเปอร์ส และ ทีมเอฟเวอร์ตัน ก็น่าจะเป็นตัวแปรให้การลุ้นสนุกขึ้นเช่นเดียวกับปีที่แล้ว

เพียงแต่ว่า เมื่อเอาเข้าจริงๆ หลังจากผ่านไปแค่ 11 นัดแรกของฤดูกาลนี้ ทีมเชลซี กลับกลายเป็นเต็งหามที่จะเข้าป้ายแชมป์แบบนอนมาไปซะแล้ว เมื่อ โค้ชมูรินโญ่ที่เข้ามาปรับจูนทุกอย่างจนเข้าที่แล้วเมื่อปีก่อน นำทีมสร้างผลงานได้อย่างเด็ดขาดในปีนี้




สำหรับทีมสิงห์ครามนั้น นั่งแป้นจ่าฝูงมาตั้งแต่แข่งนัดแรกจบ และไม่ยอมลงจากบัลลังก์เลยจนถึงตอนนี้ ด้วยสถิติชนะ 9 เสมอ 2 ขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ ไม่เข้ารกเข้าพง ก็ยืนระยะโชว์ฟอร์มสวยๆ ได้แต่ 2-3 นัด ก็เหี่ยวปลายตายธรรมชาติไปชนิดที่นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ

สถานการณ์ของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นไม่ฟื้นกลับมาอย่างที่หลายคนคาดหวัง จน ฟาน ฮัล เองยังต้องออกมายอมรับว่าตัดสินใจพลาด ที่มัวแต่คิดเรื่องจะทดลองระบบใหม่ๆ กับทีม ทั้งที่นักเตะไม่คุ้นเคยและปรับตัวไม่ได้กับระบบของเขา

ทางด้าน อาร์เซ เวนเกอร์ ได้ถอดใจไวกว่าเพื่อน ยอมยกธงขาวว่า ทีมอาร์เซนอล หรือ ทีมไหนๆ ก็คงไม่มีปัญญาแย่งแชมป์กับ ทีมเชลซีได้ในปีนี้ หลังโดนปัญหานักเตะเดี้ยงระนาวเล่นงานแต่หัววัน ส่วนคนที่ไม่เจ็บก็ดันทำฟอร์มเก่งหายไปหมด

ตัวของ ร็อดเจอร์ส เองนั้นก็โดนไปอ่วมจากฟอร์มการเล่นของทีมที่แตกต่างจากปีก่อนมาก หลังจากที่กุนซือหงส์แดงโดนสับเละที่ไม่มีปัญญาเลือกตัวแทนของซัวเรซได้ดีไปกว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยนับตั้งแต่ย้ายมา




และในขณะที่โปรแกรมบอล ทีมแมนฯ ซิตี้ ที่ทำท่าเหมือนจะมาดีสมศักดิ์ศรีแชมป์เก่า ก็ไม่มีอะไรเปรี้ยงปร้าง แถมฟอร์มยังดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อดาวเตะตัวหลักๆ โชว์ฟอร์มกันไม่ออก แถมปัญหาในการลงเตะแชมเปี้ยนส์ลีกที่ทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ก็ดูจะส่งผลกระทบมาถึงฟอร์มในลีกของทีมด้วย

ซึ่งเดินทางมาจนถึงตอนนี้ภาพของการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จึงผิดกับที่หลายคนวาดเอาไว้มาก เพราะถ้าไม่เกิดอาเพศอะไรขึ้นมากับเชลซี ก็ยังมองไม่เห็นว่าใครจะมาหยุดสิงโตสีครามได้อยู่

สำหรับ ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน ที่กลายเป็นทีมม้ามืดที่ฟอร์มพุ่งแรงแบบเซอร์ไพรส์ ทั้งที่เสียทั้งดาวเตะดังๆ และกุนซือฝีมือดีไปในช่วงซัมเมอร์ แถมยังออกสตาร์ตฤดูกาลได้แบบง่อนแง่นเต็มที

เพียงแต่หลังจากนั้น ทีมนักบุญก็ชนะอย่างต่อเนื่องด้วยฟอร์มการเล่นที่มีคุณภาพ และกลายเป็นทีมที่ทำแต้มไล่บี้ทีมเชลซีมากที่สุด โดยตามหลังแค่ 4 คะแนนเท่านั้น




ตามมาด้วยทีมเวสต์แฮมที่ต้องร่วมวงหนีตกชั้นอยู่พักใหญ่เมื่อปีก่อน เป็นอีกทีมที่ออกสตาร์ตแย่แต่มาฟอร์มดีในช่วงหลัง และขึ้นมาติดท็อปโฟร์เฉย ยังไม่รวมสวอนซีที่อยู่ที่ 5 และ ทีมนิวคาสเซิลที่มาโกยคะแนนในนัดหลังๆ จนขยับจากทีมบ๊วยขึ้นมาอยู่ที่ 8 แล้ว

ซึ่งทั้ง ทีมอาร์เซนอล, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด และ ทีมลิเวอร์พูล นั้นยังอยู่นอกกลุ่มท็อปโฟร์ และดูจากแต้มที่โดนทิ้งห่างกัน 10 กว่าคะแนนขึ้นไปแล้ว คงจะไปฮึดไปเบียดแย่งแชมป์กับ ทีมเชลซี ยากเต็มที เหลือก็แค่ ทีมแมนฯ ซิตี้ ที่ยังพอได้ลุ้นอยู่ แต่ก็คงต้องเค้นฟอร์มที่ดีกว่านี้มากๆ ออกมา และต้องลุ้นให้ ทีมเชลซีฟอร์มหลุดกระจุยกระจายด้วย

และถ้าหากจะพูดได้ว่าคงยากที่จะเห็นมูรินโญ่ปล่อยให้ความได้เปรียบขนาดนี้หลุดมือไป และถ้าไม่มีจุดพลิกผันที่มโหฬารจริงๆ การลุ้นแชมป์ไฮไลท์ฟุตบอลปีนี้คงจะกลับไปจืดชืดเหมือนเดิม และความมันน่าจะอยู่ที่การลุ้นอันดับท็อปโฟร์กันมากกว่า

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฟุตบอล:การรบฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ สัปดาห์ที่11

ตัวของเพอร์ซี่รับโดนป๋าหลอกว่าจักอยู่ควบคุมผีต่อ ก่อนที่จักรีไทร์หนี




ภายหลังที่ อาร์วีพี ได้รับเองกับปากวิเคราะห์บอลว่า โดนป๋า เฟอร์กี้ สับขาหลอก เร่ำลือกโยกย้ายมา กลุ่มผี ก็เพราะว่าเจ้าตัวบอกเล่าจักควบคุมกรุ๊ปอีกอย่างน้อย 3 ปี พร้อมยอมรับฟอร์มปัจจุบันของตัวเองยังไม่ดี ต้องรีบแก้ไขด่วน

ซึ่ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงมากประสบการณ์ของสโมสร คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระลึกเรื่องราวในความหลัง แฉหลังจากถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เป็นอดีตตำนานกุนซือ พวกปีศาจแดง ได้สับขาหลอก ลั่นตกลงใจขนมาอยู่ ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็เพราะว่าว่าป๋า เฟอร์กี้ นั้นย้ำจักควบคุมกรุ๊ปอีกอย่างน้อย 3 ปี ก่อนจะเโจษกรีไทร์แบบสายฟ้าแลบ พร้อมยอมรับผลงานการเล่นของตัวเอง ณ ปัจจุบันนี้เข้าขั้นสอบตก ต้องรีบเค้นฟอร์มด่วน

เพราะว่าครั้นเมื่อ อาร์วีพี ได้เปิดแสดงตัวว่า สิ่งที่ทำให้ผมปลงใจขยับมาอยู่กับ แคณะมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เพราะการได้ร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาระบุกับผมด้วยตัวเองว่า เขาจักอยู่ควบคุมกลุ่มอีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งผมชอบวิธีการทำงานของเขามากๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราพ่ายคู่แข่งคาบ้าน 1-2 เขาหัวเสียอย่างมาก ทั้งที่ในตอนนั้นเรามีแต้มห่างจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลุ่มคู่แข่งแย่งแชมป์อยู่ถึง 15 คะแนน มันทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่า เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะเท่านั้น

พร้อมด้วยนอกจากนี้ ตัวของ เพอร์ซี่ ยังพูดถึงผลงานของตัวเองในฤดูกาลนี้ว่า ในการยิง 3 ประตูจากการเล่น 9 เกม มันยังดีไม่พอ ในเกมกับ ฝ่ายเชลซี ผมมีโอกาสทำประตูใสๆ ซึ่งตอนนั้นผมมีทางเเลื่องลือกอยู่ 3 ทาง ทางที่ 1 คือ ชิพบอลข้ามตัวผู้รักษาประตู ทางที่ 2 คือเลี้ยงหลบ กับทางที่ 3 คือซัดตรงๆ เข้าไปเลย ผมดันไปเลยทางสุดท้ายและมันดันติดเซฟ ถ้าผมไม่คิดมาก ผมคงเเลื่องลือกชิพข้ามผู้รักษาประตูไปแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำในเวลานี้คือต้องกลับมาเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองอีกครั้ง

เป็นเรื่องหลัง เกมพลิก ทำให้ทีมปืนมีลุ้นซิวฮุมเมิ่ลส์




โดยที่สื่อฟุตบอลออนไลน์ได้ระบุว่า ฮุมเมิ่ลส์ นั้นไม่รังเกียจที่จะเก็บข้าวของเคลื่อนไปซบตัก พวกอาร์เซน่อล โดยมีรายงานว่าบอร์ดบริหาร ปืนโต จะแก้ไขปัญหาแนวรับด้วยการยื่นข้อเสนอทาบทาม มกราคมนี้

ซึ่งทางด้าน มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ ที่รักษาปราการหลังตัวแกร่งของ หมู่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ฝ่ายชื่อดังแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ยังคงตกเป็นข่าวเรื่องของการขยับรังอย่างต่อเนื่อง เพราะล่าสุด มีรายงานว่าเจ้าตัวมีความยินดีอยู่ไม่น้อยที่จะเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับ ฝ่ายอาร์เซน่อล ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงเปิดตลาดเดือน มกราคมที่จักถึงนี้ ถึงแม้ว่าที่ข้ามมาเจ้าตัวจะเคยตกเป็นข่าวพัวพันกับ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอดก็ตาม

หลังจากที่ ดาวเตะวัย 25 ได้ถูกประเมินค่าตัวขั้นต่ำไว้ราวๆ 30 ล้านปอนด์หรือราวๆ 1,650 ล้านบาท เพราะว่าเจ้าตัวก็ยังไม่ปริปากพูดถึงอนาคตการค้าแข้งของตัวเองอย่างชัดเจน ทำให้ กลุ่มอาร์เซน่อล ที่กำลังมีปัญหาอย่างหนักในเรื่องของแนวรับ อาจยื่นข้อเสนอเข้าทาบทามอย่างเป็นทางการในช่วงเปิดตลาดเดือน มกราคมนี้ ซึ่งตัวของ ฮุมเมิ่ลส์ เองก็เหมือนมีท่าทีต้องประสงค์เขยื้อนมาสัมผัสประสบการณ์ในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เช่นกัน

พร้อมกับทั้งนี้ ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า หมู่แมนฯ ยูฯ จะเบนเข็มไปไล่ล่า รอน ฟลาร์ ปราการหลังตัวเก๋าของ ทีมแอสตัน วิลล่า เข้ามาเสริมทัพอย่างเต็มตัว

ด้านโกมิสได้โขกประตูชัย ให้พวกหงส์ขาวพลิกแซง ทีมปืนใหญ่ 2-1




  • ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2014-2015 นัดที่ 11
  • แข่งวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2557
  • กรุ๊ปสวอนซี ซิตี้ 2-1 หมู่อาร์เซน่อล
  • แข่งที่สนาม : ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม
  • กรรมการผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์


ภายหลังที่เกมลอดมากว่า 15 นาที ทั้งคู่นั้นยังทำอะไรกันไม่ได้ ซึ่งเจ้าบ้านมีสิทธิจะได้ลุ้นมากกว่า แต่เกมรับของ กลุ่มอาร์เซน่อลยังไร้ข้อผิดพลาด

ในนาทีที่ 20 มอนเตโร่ ได้สับไกบริเวณฝั่งซ้ายของเขตโทษ บอลพุ่งเตรียมถากเสามุดตาข่ายแล้ว แต่ เชสนี่ ทุบบอลออกหลังไปได้ทัน

ในนาทีที่ 30 อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลากเลื้อยไปตามริมเส้นภายหลังฝั่งขวา โดนรุมสองจนล้มลงในกรอบเขตโทษ เจ้าตัวโวยทันทีหลังไม่ได้จุดโทษ

ในนาทีที่ 43 ทีมอาร์เซน่อลเพิ่งได้จังหวะจักๆ แจ้งๆ เป็นครั้งแรก จากการเล่นชิ่งกันสุดสวย ซานเชซ ลากตัดเข้ากลาง ก่อนจ่ายให้เวลเบ็ค เล่นชิ่งกับ แชมเบอร์เลน แต่จังหวะจบสกอร์ไม่ดีพอ ฟาเบียนสกี้ ปัดออกไปได้

ซึ่งในนาทีที่ 62 กรุ๊ปอาร์เซน่อล ได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ฉกบอลได้ จ่ายขึ้นหน้าให้ กาซอร์ล่า ก่อนพ้นออกขวาให้ เวลเบ็ค ลากไปเกือบสุดเส้น ดึงรอจังหวะ ก่อนจ่ายเข้ากลางถวายพานให้ อเล็กซิส ซานเชซ แปโล่งๆ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย ผลบอล 0-1

ในนาทีที่ 65 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูคืน จากจังหวะ มอนเตโร่ พอบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนหักเข้าในให้ โบนี่ แต่ยิงไม่ดี บอลเฉือนๆหลุดเสาไกลออกไป

ในนาทีที่ 74 ทีมสวอนซี ได้ประตูตีเสมอสุดสวย จากจังหวะฟรีคิกของ กิลฟิ ซิเกิร์ดส์สัน บอลโด่งข้ามกำแพง พร้อมไซด์หนีมือ เชสนี่ เสียบสามเหลี่ยมซ้ายเข้าประตูไปอย่างสวยงาม 1-1

พร้อมด้วยในเพราะจังหวะฟาวล์นั้นได้มาจาก คีแรน กิ๊บบ์ส สกัดขาของ บาร์โรว์ ในจังหวะเกมโต้กลับเร็ว

ซึ่งในนาทีที่ 78 บาเฟติมบี้ โกมิส ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา โดนบอลจังหวะแรกก็เป็นประตูให้ หมู่สวอนซี พลิกขึ้นแซงทันที ในจังหวะที่ มอนเตโร่ ครอสส์บอลเข้ากลาง โกมิส เบียดชนะมอนเรอัล โขกเต็มหัว บอลเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด 2-1

กับก่อนหมดเวลา แจ็ค วิลสนับสนุน ได้โอกาสทำประตูจากจังหวะบอลเรียดเข้ากลาง แต่เจ้าตัวไม่ยิง ก่อนบอลโดนสกัดในที่สุด พร้อมด้วยกรรมการก็เป่าหมดเวลา

ทำให้จบเกม พวกอาร์เซน่อลได้ประตูนำก่อนในนาทีที่ 75 แต่แล้วก็โดน สวอนซี ทำ 2 ประตูรวด จากลูกฟรีคิกสุดสวยของ ซิเกิร์ดส์สัน พร้อมกับลูกโหม่งของ บาเฟติมบี้ โกมิส ทำให้ กรุ๊ปสวอนซี ซิตี้ พลิกเฉือนเอาชนะ กรุ๊ปอาร์เซน่อล ไปได้ ด้วยสกอร์ 2-1 ชมไฮไลท์ฟุตบอล

มาดูรายชื่อนักเตะที่ลงสนาม

ฝ่ายสวอนซี ซิตี้ ระบบ 4-2-3-1

1.ผู้รักษาประตู :

  • ลูคัส ฟาเบียนสกี้


2.กองหลัง :

  • อังเกล รังเกล 
  • ไคล์ บาร์ทลีย์ 
  • แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ 
  • นีล เทย์เลอร์


3.กองกลาง :

  • ทอม แคร์โรลล์ เปลี่ยนตัว ลีออน บริทตัน ลงในนาทีที่ 87 
  • มาร์วิน เอ็มเนส เปลี่ยนตัว บาร์โรว์ ลงในนาทีที่ 67 
  • คี ซุง ยอง 
  • กิลฟิ ซิเกิร์ดส์สัน 
  • เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่


4.กองหน้า :

  • วิลฟรีด โบนี่ เปลี่ยนตัว บาเฟติมบี้ โกมิส ลงมาในนาทีที่ 76



กรุ๊ปอาร์เซน่อล ระบบ 4-1-4-1

1.ผู้รักษาประตู :

  • วอยเชียค เชสนี่

2.กองหลัง :

  • คาลั่ม แชมเบอร์ส เปลี่ยนตัว ยาย่า ซาโนโก้ ลงมาในนาทีที่ 90 
  • แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ 
  • อิ๊กนาซิโอ มอนเรอัล 
  • คีแรน กิ๊บบ์ส

3.กองกลาง :

  • มาติเยอ ฟลามินี่ เปลี่ยนตัว แจ็ค วิลเชียร์ ลงมาในนาทีที่ 79 
  • อารอน แรมซี่ย์ เปลี่ยนตัว ธีโอ วัลคอตต์ ลงมาในนาทีที่ 79
  • อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน 
  • อเล็กซิส ซานเชซ 
  • ซานติอาโก้ กาซอร์ล่า

4.กองหน้า :

  • แดนนี่ เวลเบ็ค

ประมวลภาพพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สวอนซี ซิตี้ 2-1 อาร์เซน่อล



class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=
class=












ข้อความจากแฟนของดิมาเรียยันเอง ว่า สามีแฮปปี้ดีกับกรุ๊ปผี




ภายหลังที่ จอร์เจลิน่า แฟนสาวของ ดิ มาเรีย ได้ปัดข่าวเรื่องสามีไม่แฮปปี้กับการเล่นให้ กลุ่มแมนฯ ยู เพราะยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไร้สาระสุดๆ

ซึ่งทางด้าน จอร์เจลิน่า คาร์โดโซ่ ภรรยาสาวของ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกตัวจี๊ดของ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คณะชั้นนำแห่งศึก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก เมือง อังกฤษ เอ่ยปากชี้แจงข่าวระบือเรื่องที่ว่าสามีของตนเริ่มไม่แฮปปี้กับการค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความยิ่งแต่อย่างใด เพราะว่าดาวเตะวัย 26 นั้นกำลังสนุกสนานมากกับการพิสูจน์ตัวเองกับ ฝ่ายปีศาจแดง

เพราะว่าข่าวลือกระฉ่อนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ หมู่แมนฯ ยู เสมอกับ กลุ่มเชลซี 1-1 และพ่ายให้กับ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ที่ ดิ มาเรีย ดูจักไม่เชี่ยวชาญงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าตัวก็กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในเกมที่คว้าชัยเหนือ พวกคริสตัล พาเลซ 1-0 ขณะคืนวันเสาร์ที่ตัดผ่านมา 8 พฤศจิกายน

ภายหลังที่จอร์เจลิน่า ได้เปิดแย้มถึงเรื่องนี้พ้น อินสตาแกรม สื่อออนไลน์ โดยระบุสั้นๆ พ่างว่า คุณสามารถคิดอะไรก็ได้แล้วแต่คุณต้องการ แต่ความเป็นแน่แท้ก็คือ อังเคล มีความสุขดีมากๆ กับการเล่นให้ หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด